รำไพขนมไทย ขนมบ้าบิ่นคิวยาว ที่มีวันนี้ได้เพราะคว้าทุกโอกาสที่เข้ามา
แค่ขนมไทยธรรมดา กว่าจะได้กินต้องรอเป็นชั่วโมง
ขนมไทยนั้นมีประวัติศาสตร์มายาวนานและนอกจากคนไทยที่ชื่นชอบแล้วยังเป็นขนมที่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกชื่นชอบอีกด้วย แต่เมื่อยุคสมัยและวัฒนธรรมเปลี่ยนไปทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มสนใจในขนมไทยน้อยลง
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจาก คุณท็อป – ศุภกร สนิทวงศ์ชัย เห็นคุณย่าขายขนมอยู่แต่รายได้นั้นไม่มากเท่าที่ควร ได้วันละ 300 บ้าง 500 บ้าง จึงเกิดความคิดที่ว่าจะทำยังไงให้ขายได้ในราคาที่มากกว่าเดิม จะเพิ่มมูลค่ามันยังไงดี เพราะที่ทำอยู่มันไม่โคฟเวอร์กับค่าใช้จ่าย เลยลองไปเพิ่มขนาดเตาของขนมให้ใหญ่ขึ้นในตอนแรกเพื่อให้ขายได้ราคาที่มากขึ้น
ต่อมาคุณท็อปได้ไปเห็นกล้วยในซุปเปอร์ฯ ของเซ็นทรัลที่ขายไม่หมด ซึ่งกล้วยพวกนี้พอมันสุกแล้วไม่มีใครซื้อเขาก็จะโละทิ้งทั้งหมด เราแอบมองเห็นโอกาสเลยลองไปขอซื้อเขาดู ปรากฎว่าเขาแทบจะยกให้เราฟรี ๆ เลย คุณท็อปนำกล้วยที่ซื้อมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำเป็นไส้ขนมบ้าบิ่น นี่จึงเกิดเป็นอีกเมนูใหม่นั่นก็คือ “บ้าบิ่นกล้วย” ซึ่งในตอนแรกที่ร้านรำไพนั้นมีบ้าบิ่น ทองม้วนสด ต่อมาเลยเพิ่มทองม้วนกรอบเข้ามาเพื่อเพิ่มรายการขนมให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น
ไม่นานคุณท็อปก็ได้มีโอกาสมาทำขนมให้ผู้บริหาร Central ทาน แล้วมาสู่การเข้ามาทำร้านขนมไทยในห้างอย่างเต็มตัว ก้าวใหม่ที่ไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อยอดขายในห้างก็ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ จากที่อัดแรง อัดคนแบบจัดเต็มในช่วงแรก คุณท็อปค่อย ๆ ลดคนลงจนเหลือเพียงตัวเองคนเดียว มานั่งทบทวน รื้อระบบใหม่ แก้ไขจนได้สูตรใหม่ขึ้นมา กว่าจะลงตัวใช้เวลาอยู่นานเป็นปีเลย
โอกาสพุ่งเข้าหาคุณท็อปอีกครั้ง เมื่อมีลูกค้าบอกว่า “อยากได้บ้าบิ่นที่กรอบ” คุณท็อปเลยเกิดไอเดียเอาทองม้วนมาห่อบ้าบิ่นดู และนั้นกลายเป็นว่าลูกค้าคนนั้นชอบมาก จากลูกค้าคนแรกก็กลายเป็นปากต่อปาก ด้วยความไม่เหมือนใคร ทำให้ขนมของแม่รำไพโดดเด่นขึ้นมาได้ในที่สุดโดยที่แทบไม่ได้ใช้การตลาดใด ๆ เลย นี่คืออีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของรำไพขนมไทยเลยก็ว่าได้
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ร้านแม่รำไพขนมไทยหยุดอยู่กับที่ คุณท็อปยังคงมองหาโอกาสและกระโจนเข้าหามันอยู่เสมอ และยังคงสรรหาสิ่งใหม่ ๆ มานำเสนอลูกค้า อย่างบ้าบิ่นไส้ผลไม้ต่าง ๆ เอง ที่มีการหมุนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อันไหนหมดทางร้านจะตัดทิ้งแล้วเอาผลไม้ประจำฤดูนั้น ๆ มาทำแทน ทำให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาได้ประสบการณ์ที่หลากหลายอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เจ้าของธุรกิจอย่างคุณท็อปคิดเอาไว้
ขอให้ได้เริ่มทำ การทำร้านมันสอนให้คุณท็อปมองว่า แม้จะไม่สำเร็จแต่อย่างน้อยเราก็ได้ประสบการณ์จากการลงมือทำจริง ๆ เมื่อเจอปัญหาในธุรกิจร้านอาหาร เราจะแก้ไขยังไง รับมือกับมันยังไง พัฒนาต่อยังไง นี่ต่างหากที่ท้าทาย และสำคัญที่สุดเลย
ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin
อ่านบทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ
- มิตรไมตรี จาก Food Truck สู่ร้าน ‘รับแขก’ คนสำคัญของจังหวัดปัตตานี
- จุ้ยตี๋ เล่าเสน่ห์ ‘ภูเก็ต’ ผ่านเมนูขนมหวานดั้งเดิมที่เหมือนยกภูเก็ต มาอยู่กรุงเทพ ฯ
- รสิก : สนับสนุนวัตถุดิบจากท้องถิ่นทั่วไทย เสิร์ฟเมนูไทยทวิสต์ และเชื่อว่าการรักษามาตรฐานคือหัวใจสำคัญของร้านอาหาร
- Soft Food : สัมผัสนุ่มของอาหาร 4 ระดับ กับโจทย์การเปิดร้านในวันที่ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย
- ประชาคาเฟ่ เปลี่ยนโรงพิมพ์ 70 ปี เป็นคาเฟ่สร้างคอมมูนิตี้ ยกระดับชุมชนเก่าตลาดพลู
- ‘ข้าวราษฎร์แกง’ เปลี่ยน Pain point ให้เป็นจุดแข็ง กับแนวคิดธุรกิจที่เชื่อว่าเราต้องใส่ใจในสิ่งแวดล้อม สังคม และพนักงาน