ทำไมต้องทำ Feasibility Study

ทำไมต้องทำ Feasibility Study ก่อนลงทุนทำร้านอาหาร มันช่วยอะไรเราได้บ้าง?

 

อยากเปิดร้านอาหาร แต่แน่ใจหรือยังว่ามันจะไปรอด?

หลายคนที่อยากทำร้านอาหารมักมีภาพในหัวกันหมดแล้ว—ร้านต้องหน้าตาแบบไหน อาหารต้องเป็นสไตล์อะไร แต่การมีไอเดียที่ดีอย่างเดียวไม่ได้แปลว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จ

บางคนเลือกใช้แนวทาง “เปิดก่อน เดี๋ยวรู้เอง” ซึ่งก็จริงอยู่ แต่บางครั้งมันอาจเป็นบทเรียนที่แพงเกินไปที่จะเสี่ยงนะ เพราะถ้าร้านไปไม่รอด คุณอาจเสียทั้งเงิน เวลา และอาจต้องแบกหนี้ก้อนโตไปอีกหลายปี

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Feasibility Study หรือ การศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ เป็นสิ่งที่ “ต้องทำ” ก่อนตัดสินใจลงทุนจริง เพื่อดึงเรากลับมาสู่โลกแห่งความจริง และให้แน่ใจว่าธุรกิจที่คุณกำลังจะเริ่ม มีโอกาสประสบความสำเร็จจริง ไม่ใช่แค่ความฝัน

Feasibility Study มันคืออะไร?

Feasibility Study หรือ การศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ คือกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ตลาด คู่แข่ง งบประมาณ และโอกาสเติบโตของธุรกิจ เพื่อประเมินว่าธุรกิจของคุณ มีโอกาสรอดแค่ไหน และ จะคืนทุนภายในระยะเวลากี่ปี

การทำ Feasibility ไม่ใช่แค่ดูว่าคุณอยากทำอะไร แต่คือการตอบคำถามว่า ตลาดต้องการมันจริงไหม? และ คุณพร้อมรับมือกับความเสี่ยงหรือยัง?

ทำไมต้องทำ Feasibility Study ? นี่คือ 7 เหตุผลสำคัญที่ต้องทำสิ่งนี้ก่อนลงทุน

 

1. ประเมินความเป็นไปได้ของธุรกิจก่อนลงมือทำจริง

การทำ Feasibility Study จะช่วยให้คุณเห็น “โลกแห่งความจริง” และช่วยให้คุณประเมินได้ว่า ธุรกิจของคุณสามารถไปต่อได้จริงไหม? ทั้งในด้านตลาด การเงิน และการดำเนินงาน

หากเจอปัญหาหรือข้อจำกัดตั้งแต่แรก คุณจะได้ ปรับแผนธุรกิจให้แข็งแรงขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

2. คำนวณงบประมาณและควบคุมต้นทุน

ร้านอาหารไม่ได้มีแค่ต้นทุนวัตถุดิบ แต่ยังมี ค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าการตลาด ค่าเสียโอกาสจากของเหลือ และอีกสารพัดค่าใช้จ่าย

การทำ Feasibility ช่วยให้คุณคำนวณงบประมาณอย่างละเอียด ไม่ให้เกิดปัญหางบประมาณบานปลาย และทำให้รู้ว่าคุณต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดเท่าไหร่

3. ลดความเสี่ยงในการขาดทุนและการล้มเหลว

ธุรกิจร้านอาหารมีอัตราการเจ๊งสูงมาก เพราะหลายคนลงทุนไปโดยไม่มีข้อมูลรองรับ

Feasibility Study จะช่วยคุณ วิเคราะห์ความเสี่ยงล่วงหน้า และช่วยให้คุณเตรียมแผนรับมือกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ต้นทุนที่สูงกว่าคาด หรือยอดขายที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

4. วิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมลูกค้าให้แม่นยำขึ้น

การทำ Feasibility ไม่ใช่แค่ “เราชอบ” หรือ “เราคิดว่ามันขายได้” แต่ต้องดูว่า ตลาดต้องการมันจริงไหม?

การศึกษาความเป็นไปได้จะช่วยให้คุณเข้าใจ พฤติกรรมลูกค้า กลุ่มเป้าหมาย และทำเลที่เหมาะสม ทำให้คุณสามารถ วางกลยุทธ์การตลาดได้ตรงจุด

5. ศึกษาคู่แข่งและหาจุดแข็งของธุรกิจคุณ

ธุรกิจร้านอาหารมีคู่แข่งเยอะมาก และหลายครั้ง เราต้องแข่งกับแบรนด์ที่แข็งแรงอยู่แล้ว

Feasibility Study จะช่วยให้คุณ เข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของคู่แข่ง และหาจุดขายที่แตกต่างเพื่อให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่า

6. คำนวณระยะเวลาคืนทุนและคาดการณ์กำไรได้ชัดเจน

หลายคนเปิดร้านไปโดยไม่ได้คิดว่า จะคืนทุนเมื่อไหร่ และ ต้องขายได้วันละเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม

Feasibility Study จะช่วยให้คุณ คำนวณจุดคุ้มทุน (Break-even Point) และระยะเวลาคืนทุน ได้ชัดเจน เพื่อให้คุณรู้ว่าต้องขายเท่าไหร่ต่อวันถึงจะมีกำไร

7. วางแผนการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

Feasibility ไม่ใช่แค่ช่วยให้คุณ เริ่มธุรกิจได้อย่างมั่นใจ แต่ยังช่วยให้คุณมองเห็น โอกาสเติบโตในอนาคต เช่น การขยายสาขา การเพิ่มเมนู หรือการพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น

สรุป: ถ้าคิดจะลงทุน ต้องคิดให้รอบด้านก่อน!

ก่อนจะเอาเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตไปลงทุน อย่าพึ่งรีบเปิดร้านโดยไม่มีแผน เพราะการทำ Feasibility Study จะช่วยให้คุณเห็นปัญหาก่อนลงมือจริง ช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างมั่นใจ และลดโอกาสขาดทุน

การวางแผนล่วงหน้าด้วยข้อมูลที่ชัดเจน ดีกว่าการต้องมานั่งแก้ปัญหาในวันที่เงินลงทุนหมดไปแล้ว ดังนั้น ก่อนจะเปิดร้าน ลองทำ Feasibility Study ดูก่อน แล้วคุณจะขอบคุณตัวเองที่ไม่พุ่งไปแบบไม่มีแผน

”วางแผนบนกระดาษอย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจตอนลงมือทำจริง”

และนี่ก็คือ Feasibility Study ที่ก่อนจะเริ่มทำร้านอาหารควรทำเป็นอย่างยิ่งค่ะ และเอาจริง ๆ ไม่ใช่แค่ธุรกิจร้านอาหารนะคะ ทุกธุรกิจควรทำสิ่งนี้ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ประการทุกท่านนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 😊

 

 

📌 ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin

 

📌อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ