ในยุคสมัยที่มีร้านกาแฟ คาเฟ่อยู่เต็มทุกปากซอย ทุกมุมตึกทั่วเมือง อย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือเมืองปราบเซียนอย่างจังหวัดเชียงใหม่ที่มีร้านกาแฟ คาเฟ่อยู่มากมาย ส่งผลให้มีการมีการแข่งขันที่สูง ซึ่งทำให้บางร้านต่างต้องทยอยปิดตัวลงไปเรื่อย ๆ
.
แต่ก็ยังมีบางร้านที่เติบโตแบบสวนกระแสอยู่เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือร้าน The Baristro คาเฟ่ Local ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่กลายเป็น Landmark ที่ไม่ว่าใครไปเชียงใหม่ก็มักจะนึกถึงเสมอ ด้วยความโดดเด่นทั้งเรื่องของคุณภาพกาแฟ และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ต่างจากร้านกาแฟอื่น ๆ
.
โดยเรามีโอกาสได้พูดคุยกับคุณต่อ – ธนิต สุวณิชย์ เจ้าของร้าน The Baristro ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เครือ The Baristro สามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางคู่แข่งที่มีมากขึ้นทุกวัน ทำยังไงถึงได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้ จนในปัจจุบันได้ขยายไปแล้วถึง 10 สาขาทั่วจังหวัดเชียงใหม่
.
จุดเริ่มต้นของ The Baristro คุณต่อเล่าให้เราฟังว่าเพราะคุณต่อมองเห็น ‘โอกาส’ โอกาสที่ว่าคือยังไม่มีคนทำในสิ่งที่เราคิด คนทำกาแฟเมื่อก่อนจริง ๆ ถูกแบ่งเป็นแค่ 2 ประเภทเท่านั้น คือคนกินกาแฟจ๋า ที่จะกินเปรี้ยวจัด ส่วนคนที่ไม่ใช่คอกาแฟก็กินเข้มจัด แล้วคนที่อยู่ตรงกลางละ มันยังไม่มีตลาดสำหรับคนเหล่านี้ ในขณะที่คนขายก็พยายามเสนอแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ ‘เราเห็นช่องว่างตรงนี้’ คุณต่อกล่าว
.
ยังไม่มีใครทำเมล็ดกาแฟให้ลูกค้าได้เลือกว่าจะกินกาแฟแบบไหน เรามั่นใจเลยว่าเราเป็นที่แรก ๆ ที่ให้พนักงานถามลูกค้าทุกคนเสมอว่า คุณต้องการกาแฟอ่อน กลาง เข้ม เพื่อให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์ที่จะเลือกกาแฟตัวที่เขาชอบจริง ๆ
.
‘กาแฟ’ คือ ‘ภาษาสากล’
นี่คือมุมมองที่คุณต่อมีต่อกาแฟ เพราะนอกจากภาษาอังกฤษ ดนตรี ก็มีกาแฟ เนี่ยแหละที่เป็นอีกวัฒนธรรมร่วมของคนทั้งโลก ลองคิดดูนะก่อนยุคที่กาแฟจะบูมจริง ๆ คนกินกาแฟจาก 100% เต็ม เราว่ามีแค่ 50 % แต่ตอนนี้ 100% เต็ม ๆ คนกินกาแฟเกือบ 80% เลยนะ
.
ส่วน 20% ที่เหลือเขากินอะไรกัน จากการทำข้อมูล สำรวจ สรุปก็คือเขากินชาเขียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถ Cover 70 + 25% ได้เราจะได้กลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมาย 95% แค่มองกลุ่มลูกค้าให้ถูก ร้านเราก็จะไปต่อได้
.
‘คาเฟ่’ ไม่ใช่แค่การทำตามเทรนด์
”คนที่จะเปิดร้านกาแฟนี่คือสิ่งแรกที่คุณต้องมี นั่นก็คือ ‘ใจ’ ใจที่ต้องรักในกาแฟ” นี่คือสิ่งที่คุณต่ออยากจะบอกกับใครก็ตามที่กำลังคิดจะก้าวเข้ามาในธุรกิจนี้ ถ้าคุณไม่รักมัน คุณจะไม่สนุกกับมันเลย แค่ยอดขายตกคุณก็จะท้อแล้ว
.
ก็เหมือนกับที่คุณรักการเล่นเกมแล้วคุณสามารถอยู่กับมันได้ทั้งวัน ทุ่มให้เกมได้ทั้งวัน ธุรกิจก็เหมือนกันครับ ถ้าคุณรักมัน ต่อให้มันขาดทุนในช่วงแรกคุณก็ยังสนุกกับมัน
.
เพราะตอนนี้การแข่งขันกาแฟมันสูงกว่าเมื่อก่อนมาก การจะเปิดแค่ให้สวยแล้วเปิดให้อยู่ได้ภายใน 3 เดือนนี้มันไม่ยาก แต่การจะเปิดแล้วทำให้ลูกค้าอยู่ด้วยกันต่อเนื่องไปยาว ๆ อันนี้คือสิ่งที่ยาก คาเฟ่มันไม่ใช่ธุรกิจที่ง่ายเลย อย่าอยากเปิดร้านเพราะกระแส นั่นจะทำให้ร้านคุณโตยาก และคุณจะอยู่ในธุรกิจนี้ได้ไม่นาน
.
ฉะนั้นถ้าคุณจะเปิดร้านกาแฟเนี่ย นอกจากคุณต้องหาตัวตนให้เจอแล้ว คุณต้องชอบในสิ่งที่คุณทำจริง ๆ เข้าใจโปรดักส์ของตัวเอง ต้องมีความไม่ยอมแพ้
.
‘คุณไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อตัวคุณเอง’
นี่คือหลักที่คุณต่อยึดมาเสมอ อย่ายึดมั่นในตัวเองจนเกินไป อย่ามองแต่ตัวเอง สิ่งที่คุณควรทำคือ ‘คุณจะต้องมองลูกค้า’ เพราะคุณไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อตัวคุณเอง คุณทำธุรกิจเพื่อขายลูกค้าต่างหาก
.
ร้านกาแฟ ก็คือธุรกิจบริการประเภทหนึ่ง เป็นธุรกิจที่ต้องตอบสนองความต้องการ ความคาดหวัง และความพึงพอใจของลูกค้า การทำธุรกิจนี้จึงต้องตั้งอยู่บนการบริการที่เข้าใจความต้องการแท้จริงของลูกค้านั่นเอง นี่แหละครับแก่นในการทำธุรกิจที่แท้จริง