Home บทสัมภาษณ์ The Baristro คาเฟ่ Local สู่ Landmark เชียงใหม่ กับความสำเร็จที่เริ่มจาก ‘ความรัก’ และการเข้าใจ ‘ความต้องการ’ ที่แท้จริงของลูกค้า

The Baristro คาเฟ่ Local สู่ Landmark เชียงใหม่ กับความสำเร็จที่เริ่มจาก ‘ความรัก’ และการเข้าใจ ‘ความต้องการ’ ที่แท้จริงของลูกค้า

283
ในยุคสมัยที่มีร้านกาแฟ คาเฟ่อยู่เต็มทุกปากซอย ทุกมุมตึกทั่วเมือง อย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือเมืองปราบเซียนอย่างจังหวัดเชียงใหม่ที่มีร้านกาแฟ คาเฟ่อยู่มากมาย ส่งผลให้มีการมีการแข่งขันที่สูง ซึ่งทำให้บางร้านต่างต้องทยอยปิดตัวลงไปเรื่อย ๆ
.
แต่ก็ยังมีบางร้านที่เติบโตแบบสวนกระแสอยู่เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือร้าน The Baristro คาเฟ่ Local ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่กลายเป็น Landmark ที่ไม่ว่าใครไปเชียงใหม่ก็มักจะนึกถึงเสมอ ด้วยความโดดเด่นทั้งเรื่องของคุณภาพกาแฟ และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ต่างจากร้านกาแฟอื่น ๆ
.
โดยเรามีโอกาสได้พูดคุยกับคุณต่อ – ธนิต สุวณิชย์ เจ้าของร้าน The Baristro ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เครือ The Baristro สามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางคู่แข่งที่มีมากขึ้นทุกวัน ทำยังไงถึงได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้ จนในปัจจุบันได้ขยายไปแล้วถึง 10 สาขาทั่วจังหวัดเชียงใหม่
.
จุดเริ่มต้นของ The Baristro คุณต่อเล่าให้เราฟังว่าเพราะคุณต่อมองเห็น ‘โอกาส’ โอกาสที่ว่าคือยังไม่มีคนทำในสิ่งที่เราคิด คนทำกาแฟเมื่อก่อนจริง ๆ ถูกแบ่งเป็นแค่ 2 ประเภทเท่านั้น คือคนกินกาแฟจ๋า ที่จะกินเปรี้ยวจัด ส่วนคนที่ไม่ใช่คอกาแฟก็กินเข้มจัด แล้วคนที่อยู่ตรงกลางละ มันยังไม่มีตลาดสำหรับคนเหล่านี้ ในขณะที่คนขายก็พยายามเสนอแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ ‘เราเห็นช่องว่างตรงนี้’ คุณต่อกล่าว
.
ยังไม่มีใครทำเมล็ดกาแฟให้ลูกค้าได้เลือกว่าจะกินกาแฟแบบไหน เรามั่นใจเลยว่าเราเป็นที่แรก ๆ ที่ให้พนักงานถามลูกค้าทุกคนเสมอว่า คุณต้องการกาแฟอ่อน กลาง เข้ม เพื่อให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์ที่จะเลือกกาแฟตัวที่เขาชอบจริง ๆ
.
‘กาแฟ’ คือ ‘ภาษาสากล’
นี่คือมุมมองที่คุณต่อมีต่อกาแฟ เพราะนอกจากภาษาอังกฤษ ดนตรี ก็มีกาแฟ เนี่ยแหละที่เป็นอีกวัฒนธรรมร่วมของคนทั้งโลก ลองคิดดูนะก่อนยุคที่กาแฟจะบูมจริง ๆ คนกินกาแฟจาก 100% เต็ม เราว่ามีแค่ 50 % แต่ตอนนี้ 100% เต็ม ๆ คนกินกาแฟเกือบ 80% เลยนะ
.
ส่วน 20% ที่เหลือเขากินอะไรกัน จากการทำข้อมูล สำรวจ สรุปก็คือเขากินชาเขียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถ Cover 70 + 25% ได้เราจะได้กลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมาย 95% แค่มองกลุ่มลูกค้าให้ถูก ร้านเราก็จะไปต่อได้
.
‘คาเฟ่’ ไม่ใช่แค่การทำตามเทรนด์
”คนที่จะเปิดร้านกาแฟนี่คือสิ่งแรกที่คุณต้องมี นั่นก็คือ ‘ใจ’ ใจที่ต้องรักในกาแฟ” นี่คือสิ่งที่คุณต่ออยากจะบอกกับใครก็ตามที่กำลังคิดจะก้าวเข้ามาในธุรกิจนี้ ถ้าคุณไม่รักมัน คุณจะไม่สนุกกับมันเลย แค่ยอดขายตกคุณก็จะท้อแล้ว
.
ก็เหมือนกับที่คุณรักการเล่นเกมแล้วคุณสามารถอยู่กับมันได้ทั้งวัน ทุ่มให้เกมได้ทั้งวัน ธุรกิจก็เหมือนกันครับ ถ้าคุณรักมัน ต่อให้มันขาดทุนในช่วงแรกคุณก็ยังสนุกกับมัน
.
เพราะตอนนี้การแข่งขันกาแฟมันสูงกว่าเมื่อก่อนมาก การจะเปิดแค่ให้สวยแล้วเปิดให้อยู่ได้ภายใน 3 เดือนนี้มันไม่ยาก แต่การจะเปิดแล้วทำให้ลูกค้าอยู่ด้วยกันต่อเนื่องไปยาว ๆ อันนี้คือสิ่งที่ยาก คาเฟ่มันไม่ใช่ธุรกิจที่ง่ายเลย อย่าอยากเปิดร้านเพราะกระแส นั่นจะทำให้ร้านคุณโตยาก และคุณจะอยู่ในธุรกิจนี้ได้ไม่นาน
.
ฉะนั้นถ้าคุณจะเปิดร้านกาแฟเนี่ย นอกจากคุณต้องหาตัวตนให้เจอแล้ว คุณต้องชอบในสิ่งที่คุณทำจริง ๆ เข้าใจโปรดักส์ของตัวเอง ต้องมีความไม่ยอมแพ้
.
‘คุณไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อตัวคุณเอง’
นี่คือหลักที่คุณต่อยึดมาเสมอ อย่ายึดมั่นในตัวเองจนเกินไป อย่ามองแต่ตัวเอง สิ่งที่คุณควรทำคือ ‘คุณจะต้องมองลูกค้า’ เพราะคุณไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อตัวคุณเอง คุณทำธุรกิจเพื่อขายลูกค้าต่างหาก
.
ร้านกาแฟ ก็คือธุรกิจบริการประเภทหนึ่ง เป็นธุรกิจที่ต้องตอบสนองความต้องการ ความคาดหวัง และความพึงพอใจของลูกค้า การทำธุรกิจนี้จึงต้องตั้งอยู่บนการบริการที่เข้าใจความต้องการแท้จริงของลูกค้านั่นเอง นี่แหละครับแก่นในการทำธุรกิจที่แท้จริง