Hunt The Treasure

‘Hunt The Treasure’ กลยุทธ์แบบการเล่นเกม ที่ช่วยให้ลูกค้าสนุกและอยู่กับแบรนด์นานยิ่งขึ้น

 

ในยุคดิจิทัลแบบนี้ เกมกลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็เล่น ผู้คนมากมายรักการเล่นเกม รักความรู้สึกตอนได้เล่น รักเดิมพัน จุดเด่นพวกนี้แหละที่ทำให้เทคนิคการตลาดแบบ Gamification กลายเป็นอะไรที่หลายแบรนด์ รวมไปถึงนักการตลาดส่วนใหญ่เลือกที่จะหยิบมาใช้กัน

หนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงเทคนิค Hunt The Treasure ด้วย ซึ่งเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ไม่ได้พึ่งจะมี แต่ทรงพลังเสมอเมื่อเราหยิบไปใช้ เพราะมันเป็นเทคนิคที่เล่นกับการทำงานระดับอัตโนมัติในสมองของมนุษย์

เหมือนกับการที่เราเล่นเกมอะไรสักอย่าง ในตอนเริ่มต้นเกม เราจะยังไม่รู้สึกอยากเล่นอะไรมาก แต่เมื่อเริ่มเล่นไปได้ถึงเลเวลสูงๆ แล้ว มันจะถึงจุดที่เราเริ่มมีความรู้สึกอยากเพิ่มเลเวลเราให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งที่เราก็รู้ว่าตัวเลขที่บอกเลเวลนั้นมันก็แค่ตัวเลขสมมุติในเกมเท่านั้น

 

ซึ่งเราสามารถใช้เทคนิคนี้ออกแบบแคมเปญทางการตลาดได้หลากหลายรูปแบบเลย อาจจะเป็นการสะสมแสตมป์ หรือการสะสมคะแนนในทุกการจับจ่าย ยิ่งซื้อเยอะก็จะสามารถเพิ่มระดับของสมาชิกได้ อะไรทำนองนี้

มันสามารถพลิกแพลงได้เยอะมาก ตามแต่จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน อย่างเช่น ‘ได้คะแนน x2 เมื่อซื้อสินค้าเกิน 500 บาทในหนึ่งบิล’ ‘ลูกค้า Platinum รับสิทธิ์เค้กวันเกิด เมื่อเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านในเดือนเกิด’ หรือจะเป็น ‘ลุ้นแสตมป์พิเศษทุกครั้งเมื่อได้รับแสตมป์ปกติครบ 50 ดวง’ เป็นต้น

 

เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า มีความคุ้มค่าทุกครั้งที่ใช้จ่ายกับเแบรนด์ นอกจากทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกคุ้มค่าแล้ว ยังมีผลทำให้เกิดการกระตุ้นการซื้อสินค้าในปริมาณมากขึ้นได้อีกด้วย

รวมไปถึงช่วยให้ลูกค้าอยู่กับแบรนด์ในระยะยาว เพราะเค้าได้สะสมผลประโยชน์ของตัวเองไว้เยอะมาก ครั้นจะเปลี่ยนใจไปแบรนด์อื่น ก็จะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแพ้ในเกม รู้สึกเสียดายสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั่นเอง

 

source: หนังสือ AUTOMATION MARKETING การตลาดอัตโนมัติ

 

หวังว่าบทความที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการทุกท่านนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 😊

 

📌 ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin

 

📌 อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ