Caramelized

Caramelized เทคนิคการทำน้ำตาลไหม้ เพิ่มมิติความหอม ให้กลิ่นและรสเฉพาะ ทั้งคาวหวานไม่ซ้ำใคร

 

คาราเมลไลซ์ (Caramelized) อีกหนึ่งคำที่คุ้นหูใครหลายๆคนซึ่งหมายถึง กระบวนการที่เกิดขึ้นในอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล ซึ่งถูกให้ความร้อนสูงจนเกิดการเผาไหม้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองหรือสีน้ำตาลเข้ม และยังให้กลิ่นหอมเฉพาะที่มีความซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

คาราเมลไลซ์ จะเกิดขึ้นเมื่อน้ำตาลหรือส่วนผสมที่มีน้ำตาลมีความร้อนสูงอยู่ประมาณ 160-200 เซลเซียส น้ำที่อยู่ในน้ำตาลระเหยออกเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุล ทำให้เกิดกลิ่นหอม มีรสขมปลายๆที่เข้ากันได้ดีกับรสหวานของน้ำตาล

เทคนิคคาราเมลไลซ์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ทำอาหารได้หลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น ซอสต่างๆ ขนมหวาน หรืออาหารคาว ที่มีรสหวานเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพราะกลิ่นและรสที่เกิดขึ้นจะช่วยชูรสชาติและเข้ากันได้ดีนั่นเอง

วันนี้ Cook วงใน จะมาแชร์เทคนิคการทำคาราเมลที่สามารถนำไปปรับกับเมนูของหวานและอาหารคาวได้หลากหลายชนิด ซึ่งแบ่งการทำคาราเมลออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

 

1. การทำคาราเมล แบบ Dry Method

เป็นการทำคาราเมลโดยใช้น้ำตาลอย่างเดียวไม่มีส่วนผสมของน้ำ การทำคาราเมลด้วยวิธีนี้คือประหยัดเวลา เกิดคาราเมลได้รวดเร็ว แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการให้ความร้อนเพราะคาราเมลจะไหม้ง่าย ทำให้เกิดรสขมในอาหารถ้าเราควบคุมอุณหภูมิในการละลายน้ำตาลได้ไม่ดีพอ

หลังจากได้คาราเมลตามที่ต้องการแล้วให้ใส่ วิปปิ้งครีม หรือนมสด ปรุงรสเพิ่มเติมด้วยเกลือเพื่อเพิ่มความกลมกล่อม ตามด้วยเนยสดที่ให้กลิ่นหอมมัน ก็จะได้คาราเมลที่มีรสชาติเข้มข้นหอมน้ำตาลไหม้และมีรสขมอ่อน ๆ

 

2.การทำคาราเมล แบบ Wet Method

คือ การทำคาราเมลโดยใช้น้ำตาลผสมกับน้ำเปล่า เป็นวิธีที่เหมาะกับมือใหม่ เพราะน้ำจะช่วยให้น้ำตาลละลายได้สม่ำเสมอ และมีไหม้ยากกว่าวิธี Dry Method เมื่อน้ำตาลกับน้ำละลายเข้ากันแล้วเราสามารถตั้งไฟอ่อนๆจนได้สีของคาราเมลตามที่ต้องการ ก่อนใส่ส่วนผสมอื่นๆ เช่นวิปปิ้งครีม เนยและเกลือ ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติและความหอมมัน

 

3. การทำคาราเมล จากนมข้นหวาน

เป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำคาราเมลที่ไม่ยุ่งยาก โดยการนำนมข้นหวานทั้งกระป๋องมาต้มในหม้อ โดยเติมน้ำให้ท่วม ใช้ไฟปานกลางประมาณ 2 ชั่วโมง โดยระหว่างต้มต้องหมั่นพลิกกระป๋องนม และเติมน้ำให้ท่วมอยู่เสมอเพื่อป้องกันนมไหม้ หลังจากได้เวลาตามที่กำหนด สามรถเปิดกระป็องแล้วนำคาราเมลมาใช้ได้ทันที ถ้าต้องการเพิ่มความกลมกล่อม สามารถเติมเกลือลงในคาราเมลได้ตามชอบ

 

แถมท้ายด้วยเคล็ดลับการทำคาราเมลให้อร่อย ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ ดังนี้

– ใช้กระทะที่มีพื้นผิวหนาเพื่อกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ
– ขณะทำคาราเมลห้ามคนเด็ดขาด ใช้วิธีการวนหม้อหรือภาชนะแทนการคน เพราะการคนจะทำให้ตกทราย หรือเป็นผลึก
– อย่าใช้ความร้อนสูงในการทำคาราเมลเพราะจะทำให้น้ำตาลไหม้ ไม่สม่ำเสมอ และเกิดรสขมซึ่งทำให้อาหารเสียรสชาติได้
– สามารถใส่น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูในขณะต้มซอสคาราเมล เพราะความเป็นกรดจะช่วยป้องกันการตกผลึกของน้ำตาล แต่ต้องระวังอย่าใส่มากเกินไปเพราะจะทำให้คาราเมลมีรสเปรี้ยวได้
สัดส่วนและส่วนผสมในการทำคาราเมลมีหลากหลายสูตร ซึ่งสามารถนำเทคนิคดังกล่าวไปปรับใช้กับการทำซอสคาราเมล ได้ตามความสะดวกเลย

หวังว่าบทความเรื่อง Caramelized ที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการทุกท่านนะคะ ฝากติดตาม Cook วงใน และ Torpenguin ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 😊

 

 

📌 ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin

 

📌 อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ