After Yum

After Yum ร้านยำที่ไม่เคยหยุดพัฒนา จากพัทยา สู่ กทม. บทเรียนเรื่องการขยายสาขาที่น่าเรียนรู้จากพี่แต๋ง เจ้าของร้าน After Yum

 

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยคิดว่ากระแสของร้านยำร้านนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนนั้นคงเกิดขึ้นแค่ระยะสั้นแล้วก็หายไปไม่ต่างจากร้านอื่น แต่มาถึงทุกวันนี้กระแสร้านยำร้านนี้กลับไม่ลดลงเลย มีแต่จะยิ่งสูงขึ้นไปในวงกว้างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการไป Collab กับแบรนด์ต่าง ๆ ออกโปรดักส์ของตัวเองออกมาอย่างน้ำยา น้ำปลาร้า

และการก้าวออกจากพัทยามาเปิดสาขาใหม่ในกรุงเทพฯ ที่ทำเอาห้างแตกคนแน่นไม่แพ้สาขาแรกเลยทำให้ได้รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะคำว่าโชคหรือฟลุ้คแต่มันคือผลของการกระทำทั้งหมดของพี่แต๋งทั้งนั้น วันนี้เลยอยากมาสรุปบทเรียนที่ได้จากพี่แต๋ง ว่าทำยังไงถึงได้ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้

 

 

#ต้องไม่ประนีประนอมกับคุณภาพ

After Yum

 

สิ่งที่ทำให้ร้านโตขึ้นมาได้และยังมีลูกค้าที่รอต่อคิวตลอดทั้งวันทั้งที่มีคู่แข่งเกิดขึ้นมาใหม่ตลอดเวลาไม่ใช่เพราะว่าทำการตลาดเก่งหรือบริการที่ดีเพียงอย่างเดียว

แต่เป็นเพราะการที่เราไม่ประนีประนอมในเรื่องคุณภาพแม้จะเป็นแค่ส่วนเล็กๆที่ลูกค้ามองไม่เห็นเพราะมันคือการซื่อสัตย์ต่อลูกค้า คือการซื่อสัตย์ต่อตัวเราเอง

ต่อให้จะมีวัตถุดิบที่ราคาถูกแค่ไหนถ้ามันให้คุณภาพต่ำลงอย่าทำ เรายอมบอกลูกค้าตามตรงว่าวันนี้ของเราไม่สดเลยไม่ขอขายดีกว่าเอาของไม่ดีมาให้ลูกค้าทาน

 

After Yum

 

#ตัดสินใจจากข้อมูลสถิติ

เชื่อหรือไม่ว่าร้านยำบ้าน ๆ นี้จะมี Data ข้อมูลลูกค้าละเอียดมาก ๆ ว่าเป็นใคร มีรสนิยมอะไร มีการแต่งตัวแบบไหน นอกจากนี้ยังมี Data ที่ทำให้รู้ว่าแต่ละวันต้องเตรียมวัตถุดิบเท่าไหร่ไม่ขาดไม่เกิน ทำให้สามารถ Forecast การสั่งวัตถุดิบและกำลังคนให้เพียงพอ ทำให้สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าจากข้อมูลในอดีต

ซึ่งถ้าเรามี Data มากแค่ไหนความพร้อมในการขยายสาขาก็จะมากเท่านั้น

 

#ต้องรู้ให้ชัดเจนว่าใครคือลูกค้าเรา

ในการทำธุรกิจทุกวันนี้การหา Customer Persona เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเราจะได้รู้ว่าใครเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แท้จริงของเรา ไม่ใช่บอกว่าร้านเราจับกลุ่มลูกค้าทุกคน เพราะไม่ใช่ทุกคนจะชอบรสชาติแบบนี้ ไม่งั้นก็จะเกิดความผิดหวังทั้งตัวลูกค้าและตัวร้านเอง

พอเรารู้ลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ตัวเราเองก็จะชัดเจนในเรื่องของคาแรกเตอร์ร้านและรสชาติ เพราะในยุคปัจจุบันเราไม่สามารถขายอาหารของเราให้คนทุกคนได้อีกต่อไปแล้ว ไม่งั้นเราก็จะกลายเป็นแค่ร้านธรรมดาที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย

 

After Yum

#หาภาพจำของตัวเองให้ได้

อะไรบ้างที่ทำให้ลูกค้านึกถึงร้านของเรา ? เราสามารถตอบคำถามนี้ได้มั้ย

เพราะลูกค้าสมัยนี้ไม่ได้สนใจว่าร้านเราจะใหญ่โตแค่ไหน แต่เค้าสนใจร้านที่มีภาพจำ มีสไตล์ มีเอกลักษณ์ มีความแตกต่าง ที่ไม่เหมือนกับร้านอื่น ๆ

อย่าง After Yum ของพี่แต๋งเอง จะพยายามทำให้ลูกค้าเมื่อต้องนึกถึงยำ ก็จะนึกถึง After Yum ต่อให้ไปกินร้านอื่น ถึงจะบอกว่าร้านนั้น ๆ อร่อยกว่า แต่อย่างน้อยเค้าก็พูดถึงและนึกถึงเราอยู่เสมอ

 

#ต้องกล้าฝันให้ใหญ่

สิ่งที่ Afteryum คิดตั้งแต่แรกเลยก็คือเราไม่ได้อยากเป็นแค่แบรนด์ระดับจังหวัดระดับประเทศเท่านั้นแต่เราอยากเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เป็น Icon ด้านอาหารยำของประเทศไทยให้ได้

ซึ่งหากใครย้อนกลับไปมองวันแรกที่เราเปิดร้านแบบบ้าน ๆในปั๊มนั้นคงคิดว่าเราบ้าแน่นอน แต่เมื่อเราฝันใหญ่มันทำให้เรามีแรงที่จะลงมือทำมัน โดยที่ต่อให้ใครจะหาว่าเราบ้าหรือเป็นไปไม่ได้แต่ความฝันมันเป็นสิทธิ์ของเรา

เหมือนอย่างอาฟเตอร์ยำที่ในตอนนี้ได้ก้าวมาเป็นร้านยำเบอร์ต้น ๆ ที่ใครก็ต้องนึกถึงอยากมากินจนห้างแทบแตก

 

 

และนี่ก็คือเรื่องราวการขยายสาขามากทม. ที่บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เบื้องหลังพี่แต๋งทำการบ้านหนักจริง ๆ หวังว่าเรื่องราวของพี่แต๋งจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนนะคะ ไว้พบกันใหม่ในบทความหน้า ฝากติดตาม Torpenguin 🐧 ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ

 

 

📌 ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร

Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin

 

📌อ่านบทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ