Advocate Strategy ยุทธวิธีเปลี่ยนคนรู้จัก เป็นคนรู้ใจ ทำให้ลูกค้าตกหลุมรักแบรนด์
Advocate Strategy เป็นกลยุทธที่ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกรักในตัวแบรนด์ ซึ่งจัดว่าอยู่ในช่วง Advocate Stage ใน Marketing Funnel ซึ่งมีหลักพื้นฐานนั่นก็คือ “ช่างเอาใจใส่ เพื่อทำให้รัก”
ในการซื้อสินค้าของลูกค้าในบางครั้ง ลูกค้าสามารถข้ามเรื่องของเหตุผลไปได้เลย จึงทำให้บางครั้งเราจะเห็นบางแบรนด์ขายของในราคาแพงได้ แต่ลูกค้าก็ยังซื้อ ทั้ง ๆ ที่คนภายนอกมองว่าสินค้าพวกนั้นราคาแพงกว่าคุณสมบัติที่ได้รับ แต่ในกลุ่มของคนที่เป็นลูกค้า กลับรู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป แถมยังแนะนำเพื่อนของตัวเองให้มาเป็นลูกค้าของแบรนด์อีกด้วย
นั่นเป็นเพราะแบรนด์เหล่านั้นสามารถครองตำแหน่ง สุดที่รักหนึ่งเดียวในใจของลูกค้าได้นั่นเอง โดยใช้พลังความเอาใจใส่ แทนที่จะใช้หลักเศรษฐศาสตร์กลไกราคาในการสร้างฐานลูกค้า ซึ่งทำให้ลูกค้ามองข้ามในเรื่องราคาเล็กๆ น้อยๆไปได้ ถึงแม้ว่าจะมีสินค้าอื่นที่ คุณสมบัติใกล้เคียงกันในราคาที่ถูกกว่ากันไม่มากนั่นเอง
วันนี้มี 4 เทคนิคในการออกแบบการตลาด ที่มีพลังทำให้ลูกค้ารักลูกค้าหลงมาฝากกันค่ะ
1. คุณเลือกได้ถูกต้องแล้ว (Encourage Brand Value)
แบรนด์ที่มีจุดยืนที่ชัดเจน จะทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นว่าได้เลือกสิ่งที่ถูกต้อง แบรนด์จะต้องคอยสื่อสารสิ่งที่ตัวเองทำ สัญญาอะไรไว้ก็ทำตามนั้น เพื่อตอกย้ำว่าสิ่งที่ลูกค้าเลือกนั้นดีที่สุดแล้ว
แม้ราคาอาจจะสูงกว่าของคู่แข่งในตลาด บางครั้งอาจถูกคู่แข่งลดราคาเพื่อแย่งลูกค้าบ้าง แต่ถ้าลูกค้าเลือกซื้อจากจุดยืนที่มีความแตกต่างแล้ว ยังไงลูกค้าก็ไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
2. ไม่ลืมกันทุกวันสำคัญ (Remember Special Days)
ในบางครั้งเราก็ต้องทำตัวให้เป็นเหมือนเลขาฯของลูกค้า ที่จะช่วยลูกค้าในการจดจำวันสำคัญต่างๆ ของลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดของลูกค้า วันที่คูปองส่วนลดของลูกค้าจะหมดอายุ วันที่ลูกค้าจะต้องซื้อของบางอย่างเป็นประจำ ไปจนถึงวันสำคัญประจำปีที่ลูกค้าอาจจะใช้เป็นช่วงเวลาช้อปปิ้ง เช่น วันปีใหม่ วันตรุษจีน วันสงกรานต์ เป็นต้น
เทคนิค Remember Special Days เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่เราสามารถขายของตรงๆ ได้แต่ลูกค้าได้รับแล้วก็ยังรู้สึกดี อย่างเช่น ‘สุขสันต์เดือนเกิดคุณ XX เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านในเดือนนี้รับฟรีเค้กวันเกิด’ เป็นต้น ลองนำไปใช้ดูค่ะ
3. ยิ่งอยู่นาน ยิ่งรักกัน (Longer Is Better)
ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นลูกค้าแบรนด์หนึ่งมานาน สิ่งที่เราคาดหวังจากแบรนด์นั้น ก็คงเป็นการที่เราควรจะได้สิทธิ์พิเศษมากกว่าคนที่เพิ่งจะมาเป็นลูกค้า ใช่มั้ยล่ะคะ
ดังนั้น แบรนด์จะต้องจัดการความคาดหวังในจุดนี้ให้ดี เพื่อให้มีความสมดุลกันระหว่างแคมเปญเพื่อดึงลูกค้าใหม่ และแคมเปญที่เสนอสิทธิ์พิเศษให้กับลูกค้าเดิม อย่ามองลูกค้าประจำเป็นของตายเด็ดขาด เพราะเส้นบางๆ ระหว่างลูกค้าประจำของแบรนด์เรา กับลูกค้าใหม่ของแบรนด์คู่แข่งนั้นอยู่ใกล้กันนิดเดียว
การใช้เทคนิค Longer Is Better ไม่ใช่เพียงการทำให้สมาชิกเดิมรู้สึกดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำให้คนอื่นที่เห็นสิทธิ์นี้ อยากจะมาเป็นสมาชิกของแบรนด์ด้วย
4. แชร์เทคนิคการใช้งานสินค้า (Help Utilize Product)
การที่ลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้ว ถึงแม้ลูกค้าจะไม่ได้เกิดปัญหาในการใช้สินค้าก็ตาม แบรนด์ก็อาจจะนำเสนอเทคนิคการใช้สินค้านั้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้สินค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างเช่น หากเราขายกาแฟ เราอาจมีการแชร์ทริคหรือความรู้เกี่ยวกับกาแฟเป็นประจำ เป็นต้น
การแชร์ทริคหรือความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า มีส่วนช่วยทำให้ภาพของเราในมุมมองลูกค้าเปลี่ยนไป จากคนที่มุ่งจะขายของอย่างเดียวกลายเป็นเพื่อนที่แสนดีรู้ใจ เกิดความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
และนี่ก็คือ Advocate Strategy ที่นำมาฝากในวันนี้ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการทุกท่านนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 😊
ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ
- เราจะเลือกใช้ ‘สี’ ในการสร้างแบรนด์อย่างไร?
- จะทำคอนเทนต์ต้องวางแผน 6 ขั้นตอนทำ Content Planning ใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม
- อยากขายดีต้องทั้ง ‘ผลัก’ ทั้ง ‘ดึง’ รู้จัก Push & Pull Marketing พื้นฐานการตลาดเพื่อสร้างยอดขายที่เราควรรู้
- ทำไมต้องทำ Value Content ทั้ง ๆ ที่เราทำเพจเพื่อขายของ?
- Lotto Marketing กลยุทธ์การตลาดจูงใจลูกค้านักเสี่ยงดวง