Luckin Coffee ชนะคดี เครื่องหมายการค้าในไทยแล้ว
(เผื่อใครอยากอ่านสั้น ๆ สรุปเรื่องนี้ง่าย ๆ ก็คือจีนเทาก็อปจีนแท้มาเปิดที่ไทย จีนแท้ฟ้องจีนเทาจีนแท้ชนะแล้วก็มาเปิดที่ไทยเหมือนเดิม จบค่ะ 🤣 )
ถ้าใครยังจำเรื่องร้านกาแฟโลโก้รูปกวางหันหน้าคนละด้านกันได้ ล่าสุดตอนนี้ผลสรุปออกมาแล้ว Tilleke & Gibbins สำนักงานกฎหมาย สำนักงานกฎหมายระดับภูมิภาคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ออกมาให้ข้อมูลหลังศาลมีคำสั่งให้แบรนด์ได้รับค่าชดเชยสูงถึง 10 ล้านบาท จากกรณีพิพาทเรื่องเครื่องหมายการค้า
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางของไทยมีคำพิพากษาว่า สิทธิ์ในชื่อ “Luckin Coffee” และ กราฟฟิกหัวกวาง เป็นของบริษัท Luckin Coffee แต่เพียงผู้เดียว
พร้อมสั่งให้ บริษัท รอเยล 50อาร์ กรุ๊ป จำกัด (ROYAL 50R GROUP CO., LTD.) ของไทย (ที่ไม่ใช่ของคนไทย) จ่ายค่าชดเชย รวมไปถึงต้องยกเลิกเครื่องหมายการค้าของ “Luckin” ที่จดไว้ในไทย และต้องเปลี่ยนชื่อแบรนด์ทันที โดยห้ามใช้คำว่า “Luckin Coffee” ทั้งภาษาไทยและอังกฤษอีกต่อไป
นอกจากนี้ ศาลยังมองว่าการกระทำของกลุ่ม R50 เป็นการละเมิดสิทธิ์อย่างร้ายแรง จึงสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเป็นประวัติการณ์สูงถึง 10 ล้านบาท และยังต้องรับผิดชอบค่าทนายความของฝั่ง Luckin Coffee อีกด้วย และต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่มวันละ 100,000 บาท โดยนับตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 2024 ซึ่งเป็นวันที่ยื่นฟ้อง เป็นต้นไป จนกว่าจะเลิกละเมิดด้วย
ซึ่งการต้องจ่าค่าชดเชยสูงถึง 10 ล้านบาททำให้คดีนี้เป็นหนึ่งในคดีละเมิดเครื่องหมายการค้าที่มีค่าชดเชยสูงสุดในไทย
ชนะแบบนี้เดินเครื่องในไทยเต็มสูบแน่นอน ตลาดกาแฟไทยเดือดขึ้นไปอีก ร้านเล็ก ๆ ปาดเหงื่อกันแน่นอน
Luckin Coffee ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเซี่ยเหมิน ประเทศจีน เดินกลยุทธ์เสนอราคากาแฟที่ถูกกว่า Starbucks ประมาณ 50-80% โดยยังคงคุณภาพของวัตถุดิบและกรรมวิธีการผลิตที่พรีเมียม
ในปี 2019 บริษัทถูกพบว่ามีการปลอมแปลงบัญชี ทำให้ถูกเพิกถอนจากตลาดหุ้น Nasdaq และต้องจ่ายค่าปรับ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หลังจากการปรับโครงสร้างและการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร Luckin Coffee สามารถฟื้นตัวและกลับมาทำกำไรได้ในปี 2022
ทำให้ในปี 2023 Luckin Coffee มีสาขามากกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศจีน แซงหน้า Starbucks ซึ่งมีประมาณ 6,500 สาขาในจีน
หลังจากความสำเร็จในประเทศจีน Luckin Coffee มีแผนที่จะขยายตลาดไปยังสหรัฐอเมริกาในปีหน้า โดยมุ่งเน้นการนำเสนอเครื่องดื่มราคาย่อมเยาเพื่อแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง Starbucks ต่อไป