บ่มสาโทเคล้าวิธีคิดธุรกิจในแบบ ‘โรงบ่มเทพนม’ กับคุณอ๊อบ – ณัฐชัย อึ๊งศรีวงศ์ เจ้าของแบรนด์สาโท Devanom
โรงบ่มเทพนม ที่นี่ให้ความสำคัญกับมาตรฐาน และการรักษาความสะอาดซึ่งเป็นพื้นฐานของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
ทุกสัดส่วนของที่นี่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดที่มีผู้ดื่มทุกกระเบียดนิ้ว ยิ่งได้เห็น ได้สัมผัส ผมก็ยิ่งเข้าใจ ว่าทำไมแบรนด์ ‘Devanom’ หรือ ‘เทพนม’ จึงกลายเป็นแบรนด์ติดตลาดที่นักดื่มแนะนำต่อ ๆ กันอย่างรวดเร็วในไม่กี่ปีที่ผ่านมา
วันนี้ Torpenguin นัดหมายกับคุณอ๊อบ – ณัฐชัย อึ๊งศรีวงศ์ Co – Founder ประจำโรงบ่มเทพนม ที่อาสามาแชร์ Knowledge, Know how และจุดยืนของเทพพนม ที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักภายในเวลาไม่นาน แบบ Step by step อย่างค่อยเป็นค่อยไป
เชื่อเหลือเกินว่า เมื่อเราเรียนรู้จากต้นแบบที่ดีอยู่แล้ว ก้าวต่อไปของเราจะเป็นก้าวที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
“โรงบ่มเทพนม เราเปิดให้ดูฟรีทุกอาทิตย์ครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่สนใจ หลาย ๆ อย่างเราอยากแชร์อยู่แล้ว เราเชื่อในเรื่องการ Sharing และ Community
การรวมกลุ่มมันทำให้เราไปได้ไกล มากกว่า การกระจัดกระจายแข่งกันอย่างเดียว” – คุณอ๊อบ
#กว่าจะเป็นโรงบ่มเทพนม
ก่อนที่จะเข้าวงการแอลกฮอล์คุณอ๊อบกับเพื่อนของเขาเอง ได้ทำบริษัท Tech Startup ออกแบบแอปพลิเคชัน
ในช่วงแรกของ Tech Startup พวกเขาทำรายได้จำนวนมาก แต่เพียงไม่กี่ปีต่อมา ธุรกิจของพวกเขาก็โดน Disturb จากค่ายมือถือเจ้าใหญ่ ที่เริ่มให้บริการแอปพลิเคชันฟรีมากขึ้น
เมื่อคุณอ๊อบและเพื่อนของเขาเห็นแนวโน้มว่าในระยะยาวสิ่งที่พวกเขาทำอยู่อาจไม่เวิร์กอีกต่อไป พวกเขาจึงตัดสินใจพักธุรกิจ Tech เอาไว้ 1 ปี
“เราเห็นแล้วว่าคนใช้งานแอปมีน้อยลงเรื่อย ๆ ตอนนั้นคิดว่าจะพักสักปี แล้วค่อยลุยต่อ” ไม่คาดคิดว่าหนึ่งปีต่อมา โปรเจกต์บริษัท Tech ของคุณอ๊อบและเพื่อนก็ถูกพับเอาไว้ แต่แม้ตอนจบของสตาร์ตอัปที่พวกเขาทำอาจไม่เหมือนกับภาพยนต์วัยรุ่นพันล้าน
แต่นั่นก็ไม่ใช่ตอนจบสุดท้าย เพราะทุกจุดสิ้นสุด พาเราไปสู่โอกาสใหม่เสมอ ในปี 2016 เทพนมก็เริ่มออกสู่ท้องตลาดด้วยสินค้าชนิดแรก คือ ‘คราฟต์เบียร์’ ที่ต้มจากชายแดนกัมพูชา
จากเดิมที่คราฟต์เบียร์เป็นแค่งานอดิเรก หนึ่งปีที่พักจากบริษัท Tech คุณอ๊อบก็เริ่มจริงจังกับการต้มเบียร์มากขึ้น เขาตะเวนชิมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งไทย และต่างประเทศ จากนั้นจึงเริ่มทำเบียร์การค้ากับเพื่อน ด้วยการไปต้มเบียร์ที่ประเทศกัมพูชา แล้วติดฉลากลับมาขายในไทย
“ด้วยกฎหมายเมื่อ 7 – 8 ปีที่แล้ว เราทำที่ไทยขายไทยไม่ได้ เราต้องเอาเงินไปให้ต่างประเทศ แล้วติดแสตมป์กลับเข้ามา มันยาก แต่ก็ยังพอทำเป็นธุรกิจได้”
การต้มจากกัมพูชาทำให้เขาต้องเผชิญกับการควบคุมมาตรฐานการผลิต ประกอบกับคราฟต์เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่รสชาติดีที่สุดเมื่อทำแล้วดื่มทันที นั่นทำให้คุณอ๊อบ ร่วมมือกับคนทำเบียร์หลาย ๆ กลุ่ม เพื่อก่อตั้งโรงเบียร์มิตรสัมพันธ์ระหว่างปี 2016 – 2017
แล้วเส้นทางธุรกิจของคุณอ๊อบ มาในทิศทางการทำสาโทได้อย่างไร ?
‘ช่องว่างในตลาด’ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มสนใจสาโทของไทย คุณอ๊อบเล่าว่าสาเกของญี่ปุ่นมักจะเป็นเครื่องดื่มที่ถูก Pairing หรือจับคู่เพิ่มความอร่อยให้กับมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นซูชิ โอมากาเสะ และอีกหลาย ๆ เมนู แต่สาโทของไทยยังไม่มีเจ้าไหนที่ทำออกมาเพื่อ Pairing กับอาหาร แบรนด์ที่มีอยู่ตามท้องตลาดโดยมากก็มักมีรสเปรี้ยวกับรสหวานมากเกินไป ไม่เหมาะกับการทำ Pairing
สาโทของโรงบ่มเทพนม จึงพยายามแก้ Pain Point ในรสชาติ เพื่อมอบประสบการณ์การ Pairing ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
“พอเรามาทำตรงนี้ เราไม่ได้ทำตามความชอบของเราอย่างเดียว แต่ทำตามความต้องการของตลาดด้วย พอทำไปเรื่อย ๆ ก็ต้องปรับตามลูกค้า เขาอยากได้อะไร ก็ต้องออกสินค้าตัวใหม่ให้เสิร์ฟกับความต้องการของตลาด ตัวที่เราชอบทำไว้กินเองก็อาจจะทำไม่เยอะแล้ว”
Fun Fact เกล็ดเล็ก ๆ ก่อนเปิดประตูโรงบ่ม ‘สาโทกับเหล้าขาว ต่างกันตรงไหน ?’
สาโท คือ เหล้าที่เกิดจากการนำข้าวมาหมัก ให้ได้สาโท โดยไม่กลั่น เหล้าขาวคือ เหล้าที่ได้จากการกลั่น ด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ เช่น อ้อย น้ำตาลโตนด หรือกลั่นจากสาโทที่ได้จากการบ่ม
#วิธีทำสาโท ‘เตรียมความพร้อมแล้วลงมือซะ’
สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมในขั้นตอนนี้ประกอบด้วย ข้าวเหนียว เขี้ยวงูจากเชียงราย ลูกแป้งที่ใช้ในการหมักหรือเชื้อรา หวดนึ่งข้าวเหนียว หม้อนึ่ง ผ้าขาวบาง ถังหมัก หากว่าที่บ้านไม่มีข้าวเหนียวเขี้ยวงู เราสามารถใช้ข้าวเจ้า หรือข้าวชนิดอื่น ๆ แทนได้เช่นกัน
“วัตถุดิบโดยดั้งเดิมที่ชาวบ้านใช้กันมาเขาจะใช้ข้าวเหนียว เพราะเป็นข้าวที่มีน้ำตาลเยอะ เมื่อหมักแล้วจะได้แอลกอฮอล์สูง แต่ถ้าไม่มีข้าวเหนียวก็สามารถใช้เป็นข้าวเจ้าแทนได้
“สูตรการหมักของเทพนม เราจะใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูจากเชียงราย ข้าวชนิดนี้โดยมากเป็นข้าวที่ถูกใช้ในการทำขนมเพราะมีความอ่อนนุ่ม และหอมหวาน”
ความเก่าใหม่ของข้าว จะส่งผลต่อสีของเครื่องดื่มหลังจากที่หมักเสร็จ ข้าวใหม่จะให้สีที่ค่อนข้างใส ส่วนข้าวเก่า จะให้สีที่ค่อนไปทางเหลือง
เมื่อเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้ว ให้เราเอาข้าวไปล้างแป้งออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด หรือที่เรียกว่า ‘การซาวข้าว’ จากนั้น นำข้าวไปแช่ในน้ำ 6 ชั่วโมง แช่เสร็จแล้ว จัดการนึ่งด้วยหวดไม้ไผ่แบบดั้งเดิมเพื่อเปลี่ยนข้าวสาร เป็นข้าวสุก
เมื่อข้าวสุกแล้วก็นำไปผึ่งให้เย็น พอข้าวเหนียวเย็นก็นำไปคลุกกับจุลินทรีย์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปหมักไว้ในถังหมักราว ๆ 2 – 3 วัน
“การใช้ลูกแป้งในการหมัก รวมถึงการหมักในห้องที่ไม่ใช่ระบบปิด บางรอบอาจจะหมักได้ดี แต่บางรอบอาจมีเชื้ออื่นปนเปื้อน ทำให้รสชาติมีความเปรี้ยว รวมถึงแต่ละรอบก็จะควบคุมรสชาติให้เป็นมาตรฐานไม่ได้ เราก็เลยใช้วิธีแยกเอาเชื้อบริสุทธิ์จากลูกแป้งในห้อง Lab”
ที่โรงบ่มเทพนมมี Lab และนักวิทย์ทำการตรวจเชื้ออย่างสม่ำเสมอ คุณอ๊อบฝากไปถึงผู้ประกอบการรายเล็กท่านอื่น ว่า หากโรงบ่มไม่มีนักวิทย์ ทุกคนก็สามารถขอความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย เพื่อขอความช่วยเหลือได้เช่นกัน
#บ่มจนค่อยๆสุกงอม
หลังจากที่เราหมักข้าวกับจุลินทรีย์ในถังหมักราว 2 – 3 วัน เราจะได้ข้าวหมักที่มีรสหวาน ในขั้นนี้ให้เราเติมน้ำเพื่อเจือจางรสหวานของข้าวลง และเติมยีสต์ควบคู่กับน้ำสะอาดลงไปในถังหมัก ขั้นตอนนี้ มักถูกเรียกว่า ‘ผ่าน้ำ’
เมื่อผ่าน้ำเสร็จแล้ว ให้เราหมักข้าวต่ออีก 30 วัน จากนั้นแยกข้าวออก แล้วกรองเอาเฉพาะน้ำไปบ่มต่ออีก 3 – 6 เดือน
“กว่าจะออกมาอย่างนี้ผมทำ R&D อยู่ 2 ปี ทำออกมาช่วงแรก ๆ ก็เปรี้ยวบ้าง ไม่อร่อยบ้าง ขมก็มี แต่ระหว่างที่เราทำ R&D เราก็ขายตัว Mead อยู่ ตรงนี้ก็เหมือนเป็นการเพิ่ม Line product เข้ามา” โรงบ่มเทพนม ลงทุนกับโรงบ่มไปกว่า 10 ล้าน ในมูลค่านี้แยกเป็นอุปกรณ์ 6 – 7 ล้าน
“ตรงถังบ่มปกติต้องทำเป็นห้องทึบ แต่เราทำเป็นกระจกเพราะอยากให้ผู้บริโภคมั่นใจว่ามันสะอาด และเป็นมาตรฐาน”
เนื่องด้วยกฎหมายการโฆษณา การทำการตลาดของแบรนด์เทพนมจึงค่อนข้างเรียบง่าย เช่น ออกอีเวนต์บ่อย ๆ ทำ Pairing รสชาติ และรับ Feedback จากลูกค้าโดยตรง นี่เป็นสิ่งที่คุณอ๊อบเล่าให้ฟัง
แต่สำหรับผม กลยุทธ์ของพวกเขา เริ่มตั้งแต่ การคิด Line Product ที่มาจากการสำรวจความต้องการของลูกค้า การสร้างความมั่นใจในความสะอาดและมาตรฐาน ซึ่งยังเป็น Pain point ใหญ่ของธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารในไทย ถัดมาเป็นความขยันพาแบรนด์ไปอยู่ในการรับรู้ของผู้คนทั้งทางตรงและอ้อมในทุก ๆ ครั้งที่มีโอกาส สุดท้ายคือการแบ่งปันเพื่อสร้าง Community ควบคู่กับการขายความจริงใจให้กับลูกค้า
ฉะนั้น การที่โรงบ่มเทพนมเติบโตอย่างวันนี้จึงไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ที่สุกงอมจากการบ่มเพาะ ที่ต้องใช้ทั้งเวลา ความสม่ำเสมอ ความทุ่มเท และการลงแรงฝ่าฟันอุปสรรคตลอดหลายปี
“เราอยากเห็นโรงแบบที่เราทำเยอะ ๆ วงการสาโทมันจะได้เหมือนสาเกของญี่ปุ่น ที่โตไปได้ และส่งออกได้ หลาย ๆ ประเทศเขาเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจกันอยู่แล้ว ในไทยเราทำแต่พูดไม่ได้เลย ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ นักท่องเที่ยวมาเขาก็ไม่รู้ว่าต้องไปที่โรงไหน กฎหมายข้อนี้มันกลายมาเป็นข้อจำกัดหลัก” คุณอ๊อบกล่างทิ้งท้าย
20 มีนาคมนี้ พบกับคุณ คุณอ๊อบ Devanom ได้ที่งาน DAMN EXPO 2025 (Dining And Mixology Networking Expo 2025)
🔥งานนี้เข้าฟรีตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน 🔥
ลงทะเบียนได้เลยที่ 👉 https://bit.ly/DamnExpo2025
รวมชง ‘อนาคตใหม่’ ให้ ‘ธุรกิจกลางคืนไทย’ กับงาน DAMN EXPO 2025 (Dining And Mixology Networking Expo 2025) 19 – 20 มีนาคม 2568 นี้
งานเอ็กซ์โปครั้งใหญ่แห่งปี ของคนทำ ‘ร้านอาหารกลางคืน’ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ผับ บาร์ โรงแรม สถานบันเทิง
รวมพลตัวจริงในวงการ 🍻
พบกับ ‘Stage Session’ ที่จะรวมเหล่า Speaker ชื่อดังที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจร้านอาหารกลางคืน ที่มาพร้อมกับ Session กว่า 12 หัวข้อ ให้ผู้ประกอบการได้นำไอเดียไปพัฒนาต่อยอดร้านของตัวเองในอนาคต อาทิเช่น
– น้าเน็ก – เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เจ้าของเพจ NANAKE 555 และ – เจ้าของร้าน Sliding Doors
– คุณอิสระ ฮาตะ จาก Rubsarb
– คุณลูกเต๋า – นนทเดช บูรณะสิทธิพร เจ้าของร้าน THE ROCK PUB
– คุณจอม วมินทร์ ประกอบสุข – เจ้าของร้านท่าช้างคาเฟ่
– คุณอ๊อบ – ณัฐชัย อึ๊งศรีวงศ์ เจ้าของแบรนด์สาโท เทพนม และ นายกสมาคมฯคราฟท์เบียร์
– คุณกิ๊ก – ชนาสิน บำรุงชน กรรมการผู้จัดการ บริษัทเพลินเจริญ จำกัด (ร้านชงเจริญ)
– คุณภัทร – ภัทรพงศ์ วงค์เที่ยง เจ้าของช่อง OKWEGO CHANNEL
– ต่อเพนกวิน – ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของเพจ Torpenguin
– คุณเป้ – ธรณ์ธัณย์ ศิริวิทยเจริญ ผู้ร่วมก่อตั้ง Paper Plane Project
– คุณไก่ – สุกฤษฎิ์ ผ่องคำพัน เจ้าของร้าน Jim’s Burgers & Beers
– คุณกอล์ฟ – นิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ กรรมการบริษัท ส้มจี๊ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
– คุณส้ม – สีตลา ชาญวิเศษ ที่ปรึกษาด้านธุรกิจและการตลาด บริษัท Group B Beer และเจ้าของแบรนด์คราฟท์เบียร์ Motto Beer
– คุณมีนา – ณัฐกมล นาคะพรหม ทีมบริหารโรงเบียร์สหประชาชื่นและผู้ร่วมก่อตั้งร้าน CODE CRAFT Beer Bar
– คุณเฮง – ณัฐชัย เตชะวิเชียร ผู้ก่อตั้งโรงเบียร์ Brewave
– คุณโม – ดร.สุวิชา สว่าง เจ้าของร้าน PRUNG Cafe
– คุณโท – จิรศักดิ์ วัฒนาพุทธากร Managing Director บริษัท MPC Music จำกัด
– คุณเบน – ชลัช ว่องสิริชนม์ เจ้าของแบรนด์คราฟท์เบียร์ The Brewing Project
– คุณโอ – โอภาส ตันติภนา เจ้าของร้าน Ninetail on Radio
– คุณกฤษ ชลันธรทรัพย์ CEO TERRA GROUP
– คุณแบงค์ – วัชรพงษ์ สุริยพันธุ์ เจ้าของเพจ Tales of the Spirits
– คุณตั้ม – อานนท์ มั่นคง The Tasting Room & Co.
ไม่ได้มีแค่นี้ พบกับโซนต่าง ๆ และกิจกรรมที่จัดมาเพื่อคนทำร้านอาหารกลางคืนโดยเฉพาะตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น
รวมพลสินค้าและบริการเพื่อธุรกิจกลางคืน 🍻
โซน Exhibitors บูธแสดงสินค้าและบริการด้านการจัดการร้านอาหารกลางคืน จากบริษัทชั้นนำกว่า 90 บูธ ไม่ว่าจะเป็น
- ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ทั้งไทยและต่างประเทศ
- คราฟต์เบียร์ไทย ไวน์ สุราชุมชน
- อุปกรณ์ตกแต่งร้าน อุปกรณ์บาร์เทนเดอร์ , Bartools
- บริษัท ติดตั้ง แสง สี เสียง สำหรับร้านอาหารกลางคืน
- บริการจัดหาการ์ด ผู้รักษาความปลอดภัย อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในร้าน
- เครื่องมือด้านการตลาด
- ระบบจ่ายเงิน และ POS
- อาหาร กับแกล้ม
รวมพลคนทำร้าน 🍻
สวนาจบคนไม่จบ มาชนแก้วกันต่อกับเจ้าของร้านอาหารกลางคืนจากทั่วประเทศใน Nightlife Networking Party
LIVE BAND & DJ Showcase 🍻
พื้นที่ดนตรีสด เปิดโอกาสให้นักดนตรีและ DJ มาแสดงสดในงาน เพื่อพบเจอเจ้าของร้านอาหารที่ต้องการหาวงดนตรีหรือ DJ ไปแสดงที่ร้าน
งาน DAMN EXPO 2025
📅วันที่ 19 – 20 มีนาคม 2568
⏰11.00 น. – 23.00 น.
🏢 MCC HALL ชั้น 3 THE MALL LIFESTORE BANGKAPI
🔥งานนี้เข้าฟรีตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน 🔥
ลงทะเบียนได้เลยที่ 👉 https://bit.ly/DamnExpo2025
มาร่วมสร้าง Community และพลิกโฉมวงการ ‘ธุรกิจแอลกอฮอล์ร้านอาหารกลางคืน’ ไปด้วยกัน
ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ
-
- ผูกไทจิบวิสกี้ คลาสซี่แบบเจมส์บอนด์ กับตั้ม อานนท์ Whisky Sommelier อายุน้อยที่สุดในเอเชีย
- สุราไทย กับการต่อสู้เกือบ‘ทศวรรษ’ ของคนทำ ลดผูกขาด สร้างสนามแข่งขันให้ ‘แฟร์’ กับผู้เล่นทุกคน
- Call Me Papa จากคนต้มเบียร์อยู่หลังบ้าน สู่การส่งออกไกลไปถึงยุโรป
- ที่นี่ Basil กะเพราป่า ร้านกะเพราลูกครึ่งบาร์ ที่เกิดจาก ‘โอกาส’ ในวันที่บาร์เจอวิกฤติ
- ลาบเสียบ อิซากายะสไตล์อีสานแซ่บ ๆ กับการปลุกปั้นร้านให้เป็นคอมมูนิตี้ของมิตรรักนักดื่ม
- DAMN EXPO 2025 ชง ‘อนาคตใหม่’ ให้ ‘ธุรกิจกลางคืนไทย’ งานเอ็กซ์โปครั้งใหญ่ที่จัดมาเพื่อคนทำร้านอาหารกลางคืนโดยเฉพาะ