เทคนิคจับคู่เมนูอาหารกับเครื่องดื่ม

Drink Pairing Guide เทคนิคจับคู่เมนูอาหารกับเครื่องดื่ม กลยุทธ์เพิ่มยอดขายด้วยเครื่องดื่ม เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า

 

Pairing คืออะไร?

Pairing หมายถึง การจับคู่อาหารกับเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่มีรากฐานมายาวนานในสังคมชั้นสูง ก่อนจะแพร่หลายสู่ผู้คนทั่วไปในปัจจุบัน การจับคู่เครื่องดื่มกับอาหารไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของรสชาติ แต่ยังเป็นศาสตร์ที่นักชิมให้ความสำคัญ เพราะสามารถช่วยเสริมรสชาติ และสร้างประสบการณ์ในการรับประทานอาหารให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

 

สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร การเลือก เครื่องดื่มที่เหมาะสม กับเมนูอาหารไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ แต่เป็น กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย และสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าประทับใจจนต้องกลับมาใช้บริการซ้ำ  ซึ่งเราจะมาแชร์เทคนิคการจับคู่เครื่องดื่มกับอาหาร เพื่อช่วยส่งเสริมรสชาติให้กับเมนูอาหารที่กินคู่กันได้อร่อยอย่างลงตัว

 

หลักการเบื้องต้นของการจับคู่เครื่องดื่มกับอาหาร

การเลือกเครื่องดื่มที่เข้ากับอาหารมีหลักการง่ายๆ คือ

  • เสริมรสชาติ (Complementary) จับคู่เครื่องดื่มที่ช่วยชูรสชาติของอาหารให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เช่น ไวน์ขาวที่มีความเปรี้ยวช่วยเพิ่มรสชาติซีฟู้ดให้สดชื่นยิ่งขึ้น
  • ตัดกันอย่างลงตัว (Contrasting) จับคู่เครื่องดื่มให้รสชาติตัดกันกับเมนูอาหารเพื่อสร้างสมดุล เช่น อาหารเผ็ดจับคู่กับเครื่องดื่มหวานเล็กน้อยเพื่อลดความเผ็ด
  • สร้างประสบการณ์ (Enhancing Experience) จับคู่เครื่องดื่มกับอาหารเพื่อเพิ่มอรรถรสการรับประทานอาหาร เช่น ค็อกเทลผลไม้ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับเมนูที่มีรสจัด

 

การจับคู่เครื่องดื่มกับอาหารที่ช่วยเสริมรสชาติให้เมนูอาหารอร่อยยิ่งขึ้น

🍷 ไวน์

  • ไวน์ขาว (White Wine) ไวน์ขาวมีความเย็นสดชื่นและรสเปรี้ยวที่ช่วยตัดเลี่ยน รวมถึงลดความเผ็ดและกลิ่นคาวของอาหารทะเล ทำให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น เมนูนิยมจับคู่กับไวน์ขาว ได้แก่ อาหารทะเล และสลัด ซึ่งเมื่อนำมาทานคู่กัน จะช่วยเพิ่มมิติของรสชาติได้อย่างลงตัว

 

  • ไวน์แดง (Red Wine) ไวน์แดงมีรสชาติเข้มข้นและสัมผัสที่หนักแน่นกว่าไวน์ขาว มีความฝาดที่ช่วยตัดความมันของเนื้อแดง ทำให้รสชาติของอาหารกลมกล่อมยิ่งขึ้น ไวน์ประเภท Medium Body ไปจนถึง Full Body เหมาะสำหรับเมนูเนื้อย่าง สเต๊ก หรืออาหารที่มีซอสรสเข้มข้น เพราะไวน์แดงที่มีรสหวานฝาดกำลังดี ดื่มง่าย และช่วยเสริมรสชาติของเนื้อย่างให้สมดุลและลุ่มลึกมากขึ้น

 

  • Sparkling Wine หรือไวน์ที่มีฟองซ่า เป็นเครื่องดื่มที่มีความสดชื่นและความเป็นกรดสูง ช่วยทำให้รสชาติอาหารเบาลง และเพิ่มความซับซ้อนให้กับเมนูที่ทานคู่กัน โดยเฉพาะอาหารที่มีรสชาติหนักหรือมีไขมันสูง เหมาะกับ อาหารทอด, อาหารมันๆ เพื่อช่วยล้างไขมัน

 

🍺 เบียร์

เบียร์ เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมตลอดกาล เพราะสามารถจับคู่กับอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะ เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อวัว หมู และไก่ ยิ่งผ่านการย่างด้วยไฟจนเกิดกลิ่นหอมและชั้นไขมันบางๆ ยิ่งเข้ากันได้ดีกับเบียร์เย็นๆ ที่ช่วยตัดความมันและทำให้ทุกคำของมื้ออาหารเต็มไปด้วยความอร่อยที่ลงตัว

 

🍹 ค็อกเทล

ค็อกเทล ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นและสีสันให้กับมื้ออาหารเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมรสชาติของอาหารได้ในหลายแง่มุม โดยใช้หลักการที่คล้ายกับการจับคู่ไวน์และเบียร์ เช่น การตัดเลี่ยน ดึงรสชาติที่ซ่อนอยู่ หรือเพิ่มความสมดุลให้กับอาหาร กรดจากน้ำผลไม้ในค็อกเทลช่วยตัดเลี่ยนแ ละลดความหนักของอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด หรืออาหารที่มีชีสเยอะ

และช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับเมนูที่มีรสจัด ยกตัวอย่างเช่น  มาร์การิต้า (Margarita)  เหมาะกับ อาหารเม็กซิกัน, อาหารที่มีรสค่อนข้างเผ็ด ,โมฮิโต้ (Mojito)  เหมาะกับ อาหารทะเล, อาหารรสเปรี้ยวหวาน ,เนโกรนี (Negroni)  เหมาะกับ อาหารอิตาเลียน, ชีส, แฮม

 

🥤 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

  • ชามะนาว กรดจากมะนาว ในชาช่วยตัดไขมันของอาหารทอด เช่น ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ หรือหมูกรอบ ทำให้มื้ออาหารไม่หนักเกินไป ความฝาดของชา มีคุณสมบัติช่วยเคลียร์รสชาติในปาก ลดความมันที่อาจเคลือบลิ้น ทำให้รู้สึกสดชื่นและอยากทานอาหารต่อ เหมาะกับ อาหารทอด, อาหารมัน
  • น้ำผลไม้สด น้ำผลไม้มีวิตามินซีสูง ช่วยเพิ่มความสดชื่นและกระตุ้นระบบเผาผลาญรสหวานธรรมชาติของผลไม้ ช่วยเสริมรสของอาหารมื้อเช้าเบาๆ อย่างแพนเค้กหรือกราโนล่า ทำให้มื้ออาหารมีรสชาติที่สมดุลน้ำส้ม หรือน้ำเบอร์รี่อมเปรี้ยว ช่วยตัดเลี่ยนจากอาหารที่มีครีมหรือชีส
  • กาแฟ ความขมของกาแฟ ช่วยตัดความหวานของขนม ทำให้รสชาติไม่เลี่ยนจนเกินไป นอกจากนี้กาแฟเข้มข้น ยังช่วยขับรสชาติของขนมที่มีช็อกโกแลตหรือครีม ช่วยเสริมกลิ่นของวานิลลา คาราเมล ที่อยู่ในขนมให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

 

กลยุทธ์ใช้ Drink Pairing

  • จัดเมนูคู่พิเศษ นำเสนอเซ็ตอาหารพร้อมเครื่องดื่มในราคาพิเศษ
  • ให้พนักงานแนะนำลูกค้า สร้างความประทับใจด้วยการแนะนำเครื่องดื่มที่เข้ากับเมนูของร้าน
  • โปรโมชั่น เพิ่มยอดขายช่วงเย็นด้วยโปรจับคู่เครื่องดื่มและอาหารในราคาพิเศษ

 

Drink Pairing  จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการจับคู่รสชาติของอาหารกัับเครื่องดื่ม  แต่เป็นเทคนิคที่ช่วยเสริมอรรถรสและสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบในการรับประทานอาหาร

โดยมีหลักการจับคู่อย่างเป็นระบบ ได้แก่ การเสริมรสชาติ (Complementary) การตัดกันเพื่อสร้างสมดุล (Contrasting) และการเพิ่มอรรถรส (Enhancing Experience)Drink Pairing  จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้เมนูร้านอาหาร เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูกค้า จนต้องกลับมาใช้บริการซ้ำนั่นเอง

 

หวังว่า เทคนิคจับคู่เมนูอาหารกับเครื่องดื่ม จากเชฟหมี Cook วงในที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการทุกคนนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin และ Cook วงใน ทุกช่องทาง ไว้เจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 🥰

 

 

📌 ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร

Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : @torpenguin
YouTube: Torpenguin

 

👉🏻 อ่านบทความ Cookวงใน อะไรต่อดี?