Jollibee แบรนด์ไก่ทอดจากฟิลิปปินส์ ที่เอาจุดแข็งและจุดอ่อนของ McDonald’s มาสร้างร้านของตัวเอง
ถ้าต้องพูดถึงวงการอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่นี้ก็คงหนีไม่พ้น McDonald’s แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกาที่ประสบความสำเร็จมีสาขามากมายทั่วโลก
แต่ในวันนี้ต้องบอกว่ามีอีกแบรนด์ตีตื้นขึ้นมาอย่าง Jollibee แบรนด์อาหารฟาสต์ฟู้ดที่กำลังเป็นที่นิยมจากฟิลิปปินส์ แล้วทำไมถึงกล้าที่จะลงสนามแข่งกับแบรนด์ใหญ่ ซึ่งอันนี้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ
#ทำความรู้จักJollibee
Jollibee เป็นเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ก่อตั้งโดยคุณ Tony Tan Caktiong โดยเริ่มก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1975 ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงร้านไอศกรีมเล็ก ๆ ในกรุงมะนิลา
และ 3 ปีต่อมาได้มองมองเห็นโอกาสในธุรกิจของตัวเอง จึงขยายให้กลายเป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
แต่ ณ เวลานั้นแน่นอนว่ามีคู่แข่งร้านของคุณ Tony มากมาย โดยเฉพาะ McDonald’s ในช่วงแรกคุณ Tony มองไม่เห็นโอกาสที่จะเติบโตได้เลย
รวมถึงคนรอบข้างก็บอกว่าไม่ควรที่จะแข่งกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ แต่คุณ Tony กลับลองสู้ซักตั้ง โดยร่วมมือกับน้องชายยอมรับความท้าทายนี้
โดยทั้งคู่เลือกที่จะศึกษาและวิเคราะห์ SWOT จุดแข็งจุดอ่อนของ McDonald’s หาช่องว่างที่แบรนด์อื่น ๆ ยังไม่มี แล้วนำมาพัฒนาในแบรนด์ของตัวเอง
ซึ่งอันดับแรก ๆ ที่ทั้งคู่มองเห็นเลยนั่นก็คือความเป็น Culture ที่แบรนด์อื่นๆ ยังไม่คิดที่จะนำมาใส่ในจุดนี้ แล้วทำไมถึงคิดว่า Culture จะทำให้คนชอบได้ ? นั่นก็เป็นเพราะว่านี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ได้นั่นเอง
ซึ่งทำให้ปัจจุบัน Jollibee เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีสาขามากกว่า 1,300 แห่งทั่วโลก โดย 1,150 แห่งอยู่ในฟิลิปปินส์ และ 234 แห่งในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นม้ามืดเลยทีเดียว
#เลือกนำเสนอในทางที่แตกต่างจนเป็นเอกลักษณ์
อันดับแรกคุณ Tony ตั้งใจเลือกชื่อแบรนด์และมาสคอตเป็น “ผึ้ง” โดยเป็นตัวแทนของคนเอเชียที่มีความโดดเด่นด้วยการทำงานหนัก ความอุตสาหะ และในขณะเดียวกันก็มีความเฟรนลี่ ร่าเริง จึงทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้
และเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ Jollibee ประสบความสำเร็จนั่นก็คือ การรวบรวมเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของฟิลิปปินส์มารวมกันกับอาหารฟาสฟู้ดได้อย่างลงตัว
จริง ๆ แล้วชาวฟิลิปปินส์ชื่นชอบอาหารอเมริกันและอาหารนานาชาติอยู่แล้ว แต่ด้วยรสชาติแบบอเมริกันอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอสำหรับชาวฟิลิปปินส์แน่นอน
จึงปรับให้เมนูของแบรนด์ตัวเองให้ความเผ็ดแบบเอเชียมากขึ้น รวมไปถึงเมนูอื่นๆ ที่มีความเอเชียแต่ก็ยังคงไว้ด้วยความเป็นอาหารฟาสฟู้ดสไตล์อเมริกันเช่นกัน จึงทำให้เมนูมีความโดดเด่นและอร่อยแบบลงตัวนั่นเอง
#สร้างสรรค์เมนูให้แตกต่างอย่างไรให้เป็นที่น่าสนใจ ?
ถ้าถามว่าจะทำให้อย่างไรให้เมนูนั้นแตกต่าง แน่นอนก็ต้องสร้างจุดสนใจให้ลูกค้าได้มองเห็น และที่สำคัญต้องเป็นเมนูที่แตกต่างจริงๆ
การเริ่มต้นทำให้เมนูของร้านตัวเองให้แตกต่างนั้นไม่ยากเลย ลองเริ่มมองจากสิ่งที่คนกำลังนิยม หรือชอบทานแล้ว ลองเพิ่มความเป็น Signature ของแบรนด์ตัวเอง หรือ ใส่ความเป็น Unique ที่มีเพียงแค่คุณที่จะทำสิ่งนี้ได้
และอย่าลืมที่จะใส่สตอรี่ลงไปในเมนูนั้น ๆ ของคุณ เพื่อให้ลูกค้าของคุณได้เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงเกิดเป็นเมนูนี้ นอกจากจะทำให้ลูกค้าได้เข้าใจในสิ่งที่คุณอยากจะสื่อแล้ว ยังสามารถทำให้เพิ่มอรรถรสในการทานให้แก่ลูกค้าอีกด้วย ยังไงก็ลองไปปรับใช้ดูนะคะ
หวังว่าบทความที่นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการทุกท่านนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 😊
ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ
- เทคนิคทำธุรกิจให้คนหลงรัก แบบ Disneyland
- ‘First Place Coffee’ Coffee Truck ที่ยอดโตกว่า 550% ด้วยการปั้นคอมมูนิตี้
- EGG DROP แบรนด์แซนวิชไข่เกาหลี ที่ผลักดันตัวเองจนเป็น Soft Power
- HaiDiLao ทำยังไง? ถึงก้าวขึ้นเป็นร้านชาบูหม้อไฟระดับโลก
- คิดแบบ Sushiro ร้านซูชิสายพานที่ใช้ทุกอย่างในร้านเก็บข้อมูลลูกค้า ยันทำคอนเทนต์
- วิธีบริหารคน แบบฉบับ McDonald’s ทำอย่างไร ถึงสร้างมาตรฐานเหมือนกันทุกสาขาทั่วโลก
- วิธีที่ Starbucks รับมือลูกค้านักคอมเพลนแบบแบรนด์ระดับโลก