ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจในปัจจุบันนี้ มีความคิดที่แตกต่างไปกว่าสมัยก่อนที่มักจะสร้างตัวจากการเริ่มต้นเป็นพนักงานเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนจะเริ่มต้นทำธุรกิจร้านอาหาร
.
ซึ่งสิ่งสำคัญของการเริ่มต้นธุรกิจร้านอาหารนั้น แน่นอนว่า “เงินทุน” เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดครับ เพราะการที่เจ้าของธุรกิจได้เริ่มต้นตั้งแต่การเป็นพนักงานนั้น มีข้อดีอยู่มากมายครับ
.
และวันนี้เราจะมาทำความรู้จักพี่นิ่ม เนาวรัตน์ คู่วัจนกุล เจ้าของร้าน Dose Espresso Thailand ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ
.
พี่นิ่มไม่ใช่คนรักกาแฟมาตั้งแต่ต้น แต่มีเหตุบังเอิญจากการที่อยากจะเรียนภาษาอังกฤษ จึงดั้นด้นไปประเทศออสเตรเลียเพื่อตั้งใจฝึกภาษา ซึ่งการจะฝึกภาษาสำหรับคนไทยอย่างเรา ก็ต้องเริ่มจากการไปหางานทำและพี่นิ่มก็ได้ไปทำงานที่ร้านกาแฟในแผนกครัวทั่วไป แต่พี่นิ่มดันประทับใจกับตำแหน่ง “บาริสต้า”
.
ด้วยเสน่ห์และรายได้ที่มากกว่า ทำให้พี่นิ่มต้องการจะทำหน้าที่นี้บ้าง พี่นิ่มออกไปสมัครเพื่อจะได้ทำหน้าที่นี้ตามร้านกาแฟกว่า 20 แห่ง และการทดลองงานที่ออสเตรเลียจะไม่มีการสัมภาษณ์งานก่อน แต่จะให้เราไปลงมือทำเลย
.
ซึ่งการผ่านหน้างานในแต่ละร้าน แม้จะไม่กี่ชั่วโมงแต่ก็ทำให้พี่นิ่มได้ซึมซับความรู้จากการเป็นบาริสต้าในแต่ละร้านมา จนกระทั่งวันหนึ่งพี่นิ่มก็ตัดสินใจเดินเข้าไปสมัครงานที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ไม่มีชาวเอเซียเลย จนกระทั่งได้เป็นบาริสต้าในที่สุด
.
‘การทำงานเป็นทีม สู่การเรียนรู้ที่เปลี่ยนความคิด’
ที่ออสเตรเลียการเป็นบาริสต้าไม่ใช่การทำกาแฟแก้วเดียวตั้งแต่ต้นจนจบเพียงคนเดียว แต่กาแฟหนึ่งแก้วจะต้องช่วยกันทำหลายคน ทุกคนจะมีมาตรฐานเดียวกัน โดยเราต้องทำงานเชื่อมต่อกันตลอดเวลา ถ้าจังหวะรวนคือผิดหมดเลย
.
พี่นิ่มใช้เวลา 4 ปีทำงานในร้านกาแฟที่เธอรัก ได้มีโอกาสเป็นบาริสต้าในร้านดี ๆ ที่เจ้าของร้านเป็นคนรักกาแฟจริง ๆ ได้มีโอกาสทำตั้งแต่การเปิดร้าน เซ็ตเครื่องกาแฟ ทำทุกอย่างเป็นตั้งแต่ต้นจนจบ
.
‘อยากกลับบ้าน’
จนกระทั่งวันหนึ่งพี่นิ่มก็รู้สึกอยากกลับบ้าน เธอจะเดินทางกลับเพื่อหาอะไรทำที่บ้านเกิดตัวเอง พี่นิ่มพกมาแต่ความฝันที่จะเปิดร้านกาแฟในแบบที่เธอเคยทำงานอยู่ที่ออสเตรเลีย แต่เมื่อมาเจอความจริงตรงหน้า พี่นิ่มบอกว่าทุกอย่างมันมืดไปหมด พี่นิ่มไม่มีที่ทาง ไม่มีคอนเนคชัน ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน
.
ตอนนั้นอุดรธานีกำลังเติบโต มีการเปิดห้างขนาดใหญ่ไม่นานมากนัก ทำให้ราคาค่าเช่าที่ในทำเลดี ๆ ราคาสูง พี่นิ่มใช้เวลาในการหาทำเลอยู่ 1 เดือน จนมาเจอที่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งแต่ก่อนเป็นที่ราชพัสดุ ที่ทำเป็นโรงหนังมาก่อน ตอนนั้นยังไม่มีใครเข้ามา พี่นิ่มเลยลงทุนสร้างร้านที่ดีที่สุดเท่าที่พี่นิ่มจะทำได้ขึ้นมา จนเป็นร้าน Dose Espresso ที่มีชื่อเสียงจนทุกวันนี้
.
สิ่งที่พี่นิ่มอยากจะบอกกับคนที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจร้านอาหารหรือธุรกิจอื่น ๆ ก็ตามแต่ อยากให้ทุกคนเริ่มต้นจาก Inside out คือ เลือกจากความรักของตัวเองก่อน ถ้าคุณจะเปิดร้านกาแฟ สิ่งที่คุณต้องมีอันดับแรกเลยก็คือ รักกาแฟ ไม่ใช่การทำเพราะคิดว่ามันดี หรือคิดว่าเจ้าของร้านกาแฟเป็นอาชีพที่สบาย
.
เพราะความจริงแล้วธุรกิจจะเติบโตได้ เจ้าของจะต้องมีความรักที่จะอยู่กับมัน เรียนรู้มันตลอดเวลา อย่างตัวพี่นิ่มเองก็อธิบายถึงความต่างระหว่างการทำร้านเดียว กับตอนที่มีร้านเพิ่มอีก 1 สาขาว่า สมัยที่มีร้านเดียวพี่นิ่มสามารถเป็นได้ทุกตำแหน่ง ทำทุกอย่างเองทั้งหมด และข้อดีก็คือ ลูกค้าเกิดความมั่นใจเวลาที่เห็นเจ้าของร้านประจำอยู่ที่ร้านเสมอ
.
ซึ่งเมื่อมีร้าน 2 สาขา มันไม่สามารถทำแบบเก่าได้ พี่นิ่มต้องศึกษาอะไรที่ยังไม่รู้เพิ่มเติม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่จะเดินเข้ามาที่ร้านทั้งสองสาขาให้ได้ ต้องพึ่งพาทีมงานเพื่อให้ร้านออกมาดีที่สุด งานบางอย่างเช่น การทำการตลาด การต้อนรับลูกค้า การทำกาแฟ จะต้องถูกแบ่งไปให้คนในทีมทำบ้าง เมื่อทีมแข็งแกร่งมันจึงจะกลายเป็นความสำเร็จที่แท้จริงของร้านอาหารนั่นเอง
.
พี่นิ่มพูดถึง Outside in หรือ การเอาสิ่งที่ตลาดต้องการมาเป็นตัวตั้ง เพื่อปรับสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพราะหลังจากที่เปิดร้านกาแฟมาได้สักพัก ตัวเจ้าของร้านเองจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ฟังความเห็นของทีมและลูกค้า รวมไปถึงการศึกษาจากร้านอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อเอามาปรับให้ร้านเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
.
‘จงอดทนและซื่อสัตย์ต่อความฝันของตัวเอง’
นี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากพี่นิ่ม พี่นิ่มเริ่มต้นจาก 0 เพื่อเรียนรู้ในอาชีพที่เธอรัก และมันทำให้เธอได้เห็นทุกขั้นตอนแบบจริง ๆ ตั้งแต่ตอนนั้น พี่นิ่มสะสมความรู้ประสบการณ์กว่า 5 ปี กว่าจะมาเปิดร้านที่ตัวเองฝันได้สำเร็จ
.
การมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเริ่มทำอะไรที่มันใหญ่เสมอไป แต่คุณสามารถทำความฝันเล็ก ๆ ที่ทำได้เลยทันที แล้วค่อย ๆ เก็บหอมรอบริบประสบการณ์เพื่อไปทำความฝันที่ยิ่งใหญ่ตามลำดับ เพราะหากเราเอาแต่รอที่จะมีเงินเท่านั้นเท่านี้ถึงจะค่อยเริ่มทำตามความฝัน มันอาจจะไม่มีวันที่คุณได้เริ่มทำตามฝันของคุณเองไปตลอดชีวิตก็ได้