Hey Coffee จากโปรกอล์ฟสู่โปรคอฟ(ฟี) จุดเปลี่ยนชีวิตคือ “กาแฟ”
คุณ อภินัย วรรณไพโรจน์ (ก็อด) เจ้าของร้าน Hey! Coffee จากจุดเริ่มต้นที่อยากมีรายได้เสริมจากอาชีพหลัก จึงคิดจะทำร้านกาแฟที่แตกต่างจากร้านกาแฟทั่วไป เพราะคิดว่าขายกาแฟเหมือนคนอื่นก็คงขายยาก จนกระทั่งได้สาขาแรกที่พระราม 9 ซึ่งเป็นทำเลที่ดีและได้ผลตอบรับดี ทำให้ได้เรียนรู้ว่าทำเลดีส่งผลให้ยอดขายดี จึงเริ่มขยายสาขาไปจนถึงสาขาที่ 3 ตอนนั้นคุณก็อดก็ยังไม่ได้จริงจังกับกาแฟมากนัก และยังไม่เคยได้ลิ้มลองกาแฟแบบเป็นการเป็นงาน กระทั่งวันหนึ่งคุณก็อดก็ได้พบกับ “กาแฟที่เปลี่ยนชีวิต”
กาแฟที่เปลี่ยนมุมมองของคุณก๊อดคือ Specialty Coffee ถูกเสิร์ฟมาในปริมาณเลยครึ่งแก้วมานิดเดียว แต่เป็นกาแฟที่คนคนนั้นชงมีการโดสทุกแก้ว แล้วค่อย ๆ ทำทีละแก้ว ทำให้รสชาติออกมาแตกต่างจากกาแฟที่คุณด็อดเคยดื่มมา ทั้งรสชาติที่ไม่ได้ขมเพียงอย่างเดียว แต่มีรสเปรี้ยว หวานของกาแฟอีกด้วย
ซึ่งพอถามว่าทำไมเสิร์ฟกาแฟน้อยจัง คนชงก็เลยถามกลับมาว่า ต้องการดื่มกาแฟอร่อย หรือ ต้องการดื่มเยอะ ๆ เพราะที่เขาเสิร์ฟมันคือความลงตัวของกาแฟ นม และปริมาณน้ำแข็งที่ทำให้กาแฟอร่อยที่สุดแล้ว มันเลยทำให้คุณก๊อดเกิดแรงบรรดาลใจที่จะทำกาแฟแบบนี้บ้าง
เมื่อเกิดความสนุกในการทำงาน เกิดความรักในการเป็นบาลิสต้าก็ทำให้คุณก็อดเกิด passion ขึ้นมา และได้เริ่มคั่วกาแฟในร้านเอง เพื่อที่จะได้ควบคุมรสชาติและคุณภาพให้ออกมาตามที่ต้องการได้
หลังจากคั่วกาแฟได้พักใหญ่ คุณก็อดก็อยากที่จะเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยการไปศึกษา Q Grader เป็นหลักสูตรที่สร้างผู้ชิมกาแฟ ที่จะสามารถให้คะแนนกาแฟแต่ละแบบว่าตัวนี้ดีหรือไม่ดีอย่างไร โดยเปลี่ยนข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น ความอร่อย ความหอม ความหวานหรือความเปรี้ยวให้กลายเป็นตัวเลขทั้งหมด
ดังนั้น Specialty Coffee คือกาแฟที่ผ่านการให้คะแนนจาก Q Grader 3 คน ซึ่งต้องได้คะแนนเกินกว่า 80 คะแนนขึ้นไป จึงจะถือว่าเป็น Specialty Coffee ซึ่งจะถูกส่งต่อไปขายในสมาคมกาแฟพิเศษต่อไป
เพราะปัจจุบันนี้คนไม่ได้อยากดื่มแค่กาแฟตามการตลาดที่ผ่านตาพวกเขาเท่านั้น ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่ตื่น หรือตาสว่างจากการดื่มกาแฟ แต่ต้องการรู้เรื่องราวของกาแฟแก้วนั้น ๆ อยากรู้แม้กระทั่งใครเป็นคนชงออกมาด้วยซ้ำ
ตัวคุณก็อดเองก็มาคลุกคลีกับร้านของตัวเองมากขึ้น ซึ่งคุณก็อดเองก็คิดว่าตัวเองยังต้องเรียนรู้ต่อไปเรื่อย ๆ และมีความคิดว่ากาแฟที่รสชาติดี มันขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนมากกว่า เพราะอย่างอาหารบางประเทศก็ไม่ถูกปากเรา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอาหารจานนั้นไม่ด้ ร้าน Hey Coffee จึงไม่ได้ทำกาแฟที่ดี แต่เป็นการหากาแฟที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนมากกว่า
เจ้าที่ฟังเรื่องราวของคุณก็อดมา ผมว่าใครก็ตามที่อยู่ในธุรกิจร้านอาหารน่าจะนำแนวคิดของคุณก็อดไปปรับใช้ได้นะครับ แม้คุณก็อดจะทำกาแฟ แต่ก็ไม่ต่างกับอาหารที่หลาย ๆ ท่านกำลังทำแน่นอนครับ
การใส่ใจในวัตถุดิบ รวมไปถึงการใส่ใจกับความต้องการของลูกค้า ทำให้เราแตกความคิดในการนำเสนอตัวตนของธุรกิจร้านอาหารของเรา ผ่านรสชาติอาหาร ผ่านการตกแต่งร้าน หรือเรื่องราวที่จะนำไปทำการตลาดได้ในที่สุด
คุณก็อดยังเป็นตัวอย่างของเจ้าของกิจการ ที่รักการเรียนรู้และพร้อมจะเติบโตอยู่ตลอดเวลา หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร สิ่งหนึ่งที่คุณจะลืมไม่ได้เลยก็คือ การเรียนรู้ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะร้านคุณก็จะเติบโตเหมือนกับความคิด และมุมมองที่เพิ่มขึ้นของคุณเช่นกัน
ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin
อ่านต่อบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กานเวลา คราฟต์ช็อกโกแลตเชียงใหม่ ผลผลิตของเกษตรกรไทย ไปไกลถึงระดับโลก
บ้านอาจ้อ ร้าน MICHELIN ที่ไม่ได้มีดีแค่อาหาร แต่ดีต่อชุมชน
น้ำเต้าหู้ปูปลา ร้านน้ำเต้าหู้แนวใหม่ ส่งมอบความสุขในความทรงจำแบบครบเครื่อง
คุยกับ เจนลูกสาวป้าดำ คาเฟ่ที่มีแบรนด์ดิ้งอยู่ในทุกอณูของร้าน
ถอดความสำเร็จ The Bridge Bistro & Office Space เปิดคาเฟ่ชานเมืองให้ดึงดูดลูกค้า