ร้านเจ๊งจากอะไร

ร้านเจ๊งจากอะไร ? 9 จุดเล็ก ๆ ที่คาดไม่ถึงแต่พาหลายร้านเจ๊งมาแล้ว

 

จุดเล็กหลายจุดรวมกันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ รวบรวมบทเรียนจากคนเคยเจ๊ง และไม่อยากให้คุณเจ๊งเหมือนกัน

 

1.เล่นใหญ่เกิน

การตกแต่งร้านด้วยทุนจำนวนมากส่งผลดีต่อลูกค้า เพราะช่วยสร้างความประทับใจ และความรู้สึกดีในการใช้บริการ แต่ยิ่งลงทุนมากการคืนทุนยิ่งช้า ทำให้เราต้องมีเงินสำรองจำนวนมาก ซึ่งหากลงทุนทั้งหมดโดยไม่มีเงินสำรอง ก็มีโอกาสที่ร้านจะเสี่ยงเจ๊งสูง

สิ่งที่ควรใช้เป็นหลักในการตัดสินใจในการลงทุน ควรจะเป็นแบรนด์และช่วงราคาขายของเรามากกว่า เราวางแบรนด์ไว้ในระดับไหน ก็ควรแต่งร้าน เลือกใช้เครื่องมืออุปกรณ์ให้อยู่ในระดับนั้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนเกินตัว

หากต้องการแต่งร้านให้สวย ให้วางแผนหารายได้จากการให้ร้านใช้เป็นสถานที่ถ่ายงาน เพื่อช่วยได้ค่าแต่งร้านกลับมาอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งรายได้อื่นนั้นอาจจะได้ง่าย และทำให้คืนที่ได้ไวกว่าขายอาหาร เครื่องดื่ม แค่อย่างเดียว

ทำธุรกิจต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองมีรายได้ทางเดียว แต่ให้พยายามใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ลงทุนไปแล้วให้มากที่สุด

 

 

2. รู้ตัวช้าปรับตัวไม่ทัน

ไม่มีร้านไหนที่อยู่รอดได้โดยไม่มีการปรับตัวไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรือร้านใหญ่ ตัวอย่างมีให้เราเห็นได้เรื่อย ๆ อย่ารอให้ถึงคิวของร้านเราเลย การที่เราจะสามารถหาวิธีการใหม่ ๆ มาใช้ในธุรกิจได้ มันต้องเริ่มจากการมีวิธีคิดที่ดีที่ถูกต้องก่อน อย่าคิดว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างมันมีทางของมันเสมอขอแค่หมั่นสังเกต ตั้งคำถาม อยู่ตลอด

เรื่องของเทคโนโลยีในวงการธุรกิจร้านอาหารยุคปัจจุบันเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก อย่าปฏิเสธยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงเลยครับ ทั้งในเรื่องรูปแบบเมนู การตลาด หรือ พฤติกรรมลูกค้า ซึ่งการที่เราจะปรับตัวได้ทันกับตลาดการมีข้อมูลย้อนหลังที่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะหากเราไม่มีการเก็บข้อมูลย้อนหลังเราก็จะไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้เลย

 

3. ทำงานกับครอบครัวหรือคนรู้จัก

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วก็มักจะปล่อยปละละเลยถือว่าไม่เป็นไร การธุรกิจกับครอบครัวหรือคนสนิทมักเป็นแบบนี้เสมอครับ ปัญหาก็ซุกอยู่ใต้พรมไปเรื่อย ๆ จะมารู้ตัวอีกทีก็ใหญ่โตจนปิดไม่มิด จะแก้ก็แก้ไม่ทัน เจ๊งไปตามระเบียบ

อีกเรื่องคือ ‘วิธีการทำงาน’ ของทุกคนก็ทำให้ธุรกิจมีปัญหาได้เหมือนกัน เมื่อก้าวเข้าสู่ที่ทำงาน ก็ควรแยกแยะครับ จะไม่มีใครเป็น พ่อ แม่ ลูก แต่ทุกคนจะสวมหมวกของตำแหน่งและรับผิดชอบงานตามหน้าที่ของตน และที่สำคัญ ทำทุกอย่างอยู่บนเอกสารไม่ใช่ปากเปล่า

 

4. คุมค่าใช้จ่ายไม่อยู่

Hard Costs, Soft Costs ไม่รู้จัก ค่าใช้จ่ายบานปลาย ไม่ว่าจะจากวัตถุดิบ หรือจากการเอาเงินหน้าร้านไปจ่ายจิปาถะโดยขาดการวางแผนเรื่องการเงิน ดังนั้นเราจึงควรควบคุมค่าใช้จ่ายภายในร้านให้ได้ และทำการแบ่งสัดส่วนค่าใช้จ่ายให้เป็น สำคัญคืออย่าเอาเงินร้านมาเป็นเงินเราทั้งก้อน แต่ควรแบ่งสัดส่วนเงินเดือนของเราเอาไว้ตั้งแต่เริ่ม

 

5. เลือกทำเลผิดตั้งแต่เริ่ม

บางคนเลือกทำเลเปิดร้านอาหารในพื้นที่ที่มีคนมาก เพราะคิดว่ายังไงก็มือลูกค้าแน่นอน แต่บางครั้งเขาอาจไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของร้านคุณ มันก็จะทำให้ร้านคุณขายไม่ค่อยได้ ถ้าหากคุณเปิดร้านมาสักพักแล้ว การจะเปลี่ยนทำเลไปหากลุ่มลูกค้าจริง ๆ อาจเป็นเรื่องยากเพราะในการเปิดร้านใหม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนที่สูง ซึ่งสิ่งที่คุณจะทำได้เลยคือ อาจต้องลองเปลี่ยนกลุ่มลูกค้า ปรับร้านให้เข้ากับทำเล และพฤติกรรมของลูกค้าแถวนั้นมากขึ้น

ฉะนั้น ก่อนจะเปิดร้านต้องศึกษาทำเล และพฤติกรรมของลูกค้าให้ดีก่อน เพราะทำเลถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ร้านอาหารประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

6. ไม่มีจุดขาย

ใครว่าดีขาย ใครว่าทำอันนี้รวยเอาบ้าง Core Product ไม่มี เพราะไม่คิดตั้งแต่เริ่มทำ ซึ่งมันควรเป็นสิ่งแรกด้วยซ้ำ ที่เราต้องหาจุดต่างของร้านเราให้เจอ พร้อมกับตอบให้ได้ว่าทำไมลูกค้าจึงต้องซื้อสินค้าจากร้านของเรา แทนการซื้อจากร้านของคู่แข่ง

 

7. อยากรีบรวยเกินเหตุ

การเร่งเปิดสาขาเป็นจำนวนมาก แต่ลูกค้าไม่ขยายตามจำนวนร้านที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งระบบยังไม่แข็งแรงพอก็อาจทำให้ร้านของเราเจ๊งได้เช่นกัน สิ่งสำคัญที่ต้องคิดตอนขยายสาขาคือถ้าเปิด ต่อให้สาขานั้นเจ๊ง ต้องไม่กระทบกับร้านอื่น ๆ แบรนด์ดิ้งต้องแข็งแกร่ง ฐานลูกค้าต้องมากพอ ที่สำคัญคือทีมต้องพร้อม

 

8. ทุจริตในร้านอาหาร

เป็นเรื่องที่เกิดได้กับร้านใหญ่ ๆ เป็นส่วนใหญ่ (แต่ร้านเล็กก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี) อาจจะเป็นการทุจริตกันเเค่เล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เกิดการตรวจสอบได้ยากขึ้น แต่ไอเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เนี่ยแหละ ทำให้หลายร้านเจ๊งแบบไม่รู้ตัวมาแล้ว เลยต้องมีกฏเกณฑ์ในการรับพนักงานเข้ามาทำงาน เเละมีระบบรักษาความป้องกันอย่างเข้มงวดเสมอ

 

9. ขาคความรู้เรื่องของการบริหารจัดการ

การทำร้านอาหาร เจ้าของร้านไม่จำเป็นต้องลงสนามทำเองทุกอย่างเสมอไป แต่ต้องบริหารจัดการเป็น เรื่องนี้สำคัญที่สุดแล้วสำหรับการเป็นเจ้าของร้านทั้งแบบคุมเองและแบบมีผู้จัดการ การจัดการไม่ต่างจากแขนขาที่ใช้พยุงร้านเอาไว้

คุณจำเป็นที่จะต้องเข้าใจทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบครัว ระบบการบริการ Staff Training Coaching และส่วนซัพพอร์ต ตั้งแต่การทำการตลาด ดูแลเอกสาร รวมไปถึงการบริหารวิกฤตและความเสี่ยงของธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่มักใส่ใจแค่เรื่องที่ตัวเองถนัด อย่างการทำอาหาร ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็เอาตัวรอดไปแบบวันต่อวัน ไม่อยากเจ๊งอย่าปล่อยเบลอเรื่องพวกนี้เลย

 

หวังว่าบทความที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการและคนที่อยากเปิดร้านอาหารทุกท่านนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 😊

 

 

📌 ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin

 

📌 อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ