ยังจำสมัยเด็ก ๆ ที่เราเลิกเรียนแล้วหาขนมทานกันหน้าโรงเรียนกันได้มั้ยครับ ผมเชื่อว่าหนึ่งในขนมที่ทุกคนชื่นชอบทานหลังเลิกเรียนจะต้องมี ‘ขนมโตเกียว’ เป็นหนึ่งในขนมที่ทุกคนยังจดจำกันได้เป็นอย่างดีแน่นอน ใช่ครับวันนี้เราจะว่ากันด้วยเรื่องของขนมโตเกียว
.
เราได้มีโอกาสมาพูดคุยกับร้าน Tokyyo Roaster ร้านขนมโตเกียว ที่ไม่ได้ขายขนมโตเกียวธรรมดาทั่วไป แต่กลับเลือกที่จะเพิ่มมูลค่าขนมในวัยเด็กให้ดูน่าทานมากขึ้น ด้วยการยกระดับไปอีกขั้นด้วยการเสิร์ฟในรูปแบบไฟน์ไดนิ่ง ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ ที่ผมเชื่อว่านี่จะเป็นไอเดียให้กับใครหลาย ๆ คนได้ดีเลยทีเดียว
.
หนึ่งในเจ้าของร้านอย่าง หมอจอย พญ.ลลิต ลีลาทิพย์กุล ที่ปัจจุบันก็ยังทำหน้าที่เป็นคุณหมอด้วยนั้นเล่าให้เราฟังถึงที่มาที่ไปของร้านว่า Tokyyo Roaster นั้นเกิดจากพี่น้อง 6 คนที่อยากจะทำร้านอาหารร่วมกันสักร้านหนึ่ง ซึ่งโจทย์ก็คือทำแล้วต้องให้ความสุข และสามารถชูวัตถุดิบไทย ๆ ได้ จนทำให้นึกถึงความชอบในขนมโตเกียวหน้าโรงเรียนในวัยเด็กของพี่น้องทั้ง 6 คน บวกกับพอเริ่มโตขึ้นมาก็ชื่นชอบในอาหารแนวไฟน์ไดนิ่งที่มีความพิถีพิถัน จึงนำ 2 ไอเดียนี้มารวมกันจึงเกิดเป็น Tokyyo Roaster ขึ้นมา
.
ความแตกต่างที่ทุกคนเข้าถึงได้
ร้าน Tokyyo Roaster ไม่ได้แตกต่างแค่เมนูโตเกียวที่เต็มไปด้วยความสนุกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการให้ ‘คุณค่า’ กับโตเกียวด้วย ที่เริ่มกันตั้งแต่วัตถุดิบ เนื้อสัมผัสของแป้ง ไส้ ความพิถีพิถันในกระบวนการทำโตเกียวซักชิ้น ซึ่งสูตรทั้งหมดนั้นผ่านการคิดค้นกันระหว่างพี่น้องและเชฟ โดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายด้วย เมนูที่ทำให้ทานได้ตั้งแต่เด็ก ถึงผู้ใหญ่ ร้านนี้จึงเหมาะกับคนหลายกลุ่มมาก ตั้งแต่วัยรุ่น สายคาเฟ่ เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงครอบครัวก็สามารถมีความสุขกับร้าน Tokyyo Roaster ได้ไม่ยากเลย
.
แต่ในธุรกิจร้านอาหารนั้นก็ย่อมมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ที่ร้าน Tokyyo Roaster นั้น ในช่วงแรก ด้วยความที่เป็นการทำธุรกิจแบบครอบครัวร่วมกับพี่น้องทั้ง 6 คน ซึ่งทุกคนก็ต่างมีงานประจำทำอยู่แล้ว การสื่อสารจึงเป็นอะไรที่ยากมาก แต่ว่าสุดท้ายก็ด้วยความเป็นพี่น้องอีกนั่นแหละที่ทำให้เราหาข้อตกลงร่วมกันจนได้
.
อีกปัญหานึงเลยที่ถึงแม้ว่า Tokyyo Roaster จะเป็นร้านขนมแบบไฟน์ไดนิ่งที่ดูน่าสนใจก็ตาม แต่เนื่องจากร้านตั้งอยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่า “ลับ” คือต้องตั้งใจมาจริง ๆ ถึงจะเจอกับร้าน เดินทางไม่สะดวก บวกกับไม่มีที่จอดรถด้วย จึงทำให้ร้านต้องปรับตัวด้วยการเพิ่มในส่วนของการ Delivery เข้ามาช่วยพอสมควร
.
และอีกหนึ่งปัญหาของร้านไฟน์ไดนิ่งก็คือ เวลาในการทำอาหารแต่ละจาน เพราะต้องประณีตกับการทำทุกจาน โดยทางร้านเน้นคุณภาพของอาหารและมี ‘โตลิสต้า’ (ซึ่งคล้ายๆ บาริสต้าของกาแฟ คือเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านขนมโตเกียว เลยเป็นโตลิสต้า) คอยควบคุมเมนูแต่ละจานให้ออกมาดีที่สุด จึงมีปัญหาในเรื่องการรอที่อาจจะนานไปสักหน่อย แต่เชื่อว่าลูกค้าที่ได้ทานก็ต้องรู้สึกคุ้มค่าแน่นอน
.
หมอจอยฝากถึงคนที่อยากจะเปิดร้านขนมหรือร้านอาหารว่างานร้านอาหารนั้นเป็นงานที่จะทำให้คุณเหนื่อยทั้งกายและใจ แต่ก็เป็นอะไรที่คุณจะมีความสุขและสนุกมากเช่นกัน แม้เจ้าของร้านทั้ง 6 คนจะมีงานประจำ แต่ในการเปิดร้าน Tokyyo Roaster ร่วมกัน พี่น้องทั้ง 6 คนก็ได้เรียนถูกเรียนผิดกันไปพร้อม ๆ กัน เติบโตไปพร้อม ๆ กัน จนกระทั่งร้าน Tokyyo Roaster ประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้
.
ผมมองว่า ‘แรงบันดาลใจ’ เป็นส่วนหนึ่งในการที่เราจะเริ่มทำอะไรสักอย่างครับ แต่หากเราหาความต่างให้กับสินค้าของเรา หรือ อาหารของเราได้ มันจะทำให้เรานั้นดูโดดเด่นขึ้นในตลาดธุรกิจร้านอาหารทันที ซึ่งร้าน Tokyyo Roaster ทำได้ครบถ้วน ทั้งการทำขนมโตเกียวในแบบไฟน์ไดนิ่ง หรือการนำเอาวัตถุดิบอาหารไทยมาผสมผสานทำให้เมนูมีความหลากหลายแตกต่างจากขนมโตเกียวที่เราเคยคุ้นกัน รวมไปถึงการจัดจานแบบไฟน์ไดนิ่ง สิ่งเหล่านี้แหละคือทางเลือกที่ทำให้ลูกค้าเห็นความแตกต่างและอยากเข้ามาลิ้มลองความแปลกใหม่นี้
.
‘ความสุขและความสนุก’ คือสิ่งที่เราได้รับและอยากให้ลูกค้าได้กลับไปเหมือนกัน
.
เราได้ยินหมอจอยเอ่ยถึงความรู้สึกที่อยากให้ทุกคนที่มาทานอาหารที่นี่ได้รับกลับไป นั่นก็คือ ความสนุกและความสุข ซึ่งนี่คืออีกหนึ่ง Mindset ที่ดีมากสำหรับเจ้าของธุรกิจ แนวคิดการเป็นผู้ให้ ยิ่งให้ เรายิ่งได้ นี่เป็นพื้นฐานแรกในการทำธุรกิจ นั่นคือการตั้งใจมอบสิ่งที่ดีที่สุดกับลูกค้าก่อน เมื่อเราตั้งใจ ลูกค้าจะสัมผัสได้ แล้วเขาจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกลับคืนมาให้คุณด้วยเช่นกัน