ดึงดูดลูกค้าแบบ Starbucks
ดึงดูดลูกค้าแบบ Starbucks พาส่อง 5 หลักจิตวิทยาที่ Starbucks ใช้

ถ้าให้พูดถึงร้านกาแฟระดับโลกมาซักแบรนด์นึง ผมเชื่อว่ายังไงเราก็ต้องนึกถึง Starbucks อย่างแน่นอนครับ ร้านกาแฟชื่อดังที่มีมากกว่า 30,000 สาขาทั่วโลก ทำเงินได้หลายหมื่นล้านในแต่ละปี และเป็นบ้านหลังที่ 3 ของใครหลายๆ คน

อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ Starbucks ครองใจผู้คนทั่วโลกมานานกว่า 40 ปี ทั้งๆ ที่มีแบรนด์อื่นให้เลือกมากมาย แต่ทำไมคนถึงยังรักแบรนด์นี้ วันนี้ผมขอพาไปส่อง 5 หลักจิตวิทยาที่ Starbucks ใช้ในการดึงดูดลูกค้ากันครับ เผื่อเอาไปปรับใช้กับที่ร้านเราได้บ้าง

 

1.ใช้เฟอร์นิเจอร์กำหนดพฤติกรรมลูกค้า
เฟอร์นิเจอร์ทำได้ขนาดนั้นเลยหรอ ใช่ครับเฟอร์นิเจอร์ส่งผลกับเราอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว อย่างเช่นในบางทำเลที่มีคนหนาแน่น อย่างเช่นในตัวเมือง Starbucks จะเลือกใช้เก้าอี้สูง หรือแบบ stool ที่มีความแข็งและนั่งไม่ได้สบาย แทนการใช้โซฟา ซึ่งหมายความว่า หลังจากลูกค้าดื่มกาแฟไปแล้ว 30 นาทีหรือน้อยกว่านั้นจะรู้สึกอยากจะลุกอย่างแน่นอน

ดังนั้นคุณก็จะมีที่ว่างสำหรับลูกค้าใหม่นั่นเอง นอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่แล้ว ยังทำให้เกิดการหมุนเวียนลูกค้าที่รวดเร็วขึ้นด้วย

ภายในร้าน Starbucks จะเลือกใช้เครื่องชงกาแฟที่ไม่สูงเกินไป เพื่อให้ลูกค้าและบาริสต้าได้เห็นสีหน้าอารมณ์ต่างๆ เห็นรอยยิ้มของกันและกัน ทำให้รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น เพราะ Starbucks เชื่อในเรื่องของสายสัมพันธ์ของพนักงานกับลูกค้ามากๆ

 

2. เล่นกับแสงภายในร้าน
มนุษย์เราตอบสนองต่อสิ่งที่สว่างได้ดีเป็นพิเศษ นั่นทำให้จิตวิทยาที่เกี่ยวข้องแสงสว่างถูกนำมาใช้ในเชิงธุรกิจอยู่หลายๆ ครั้ง

ในร้าน Starbucks ชั้นวางสินค้าและจุดคิดเงินนั้นจะมีความสว่างอยู่เสมอเพื่อให้ลูกค้ามองเห็นได้ชัดเจน พอตรงนั้นสว่างกว่างจุดอื่นๆภายในร้าน นั่นทำให้คนมุ่งความสนใจไปที่จุดนั้นมากขึ้นนั่นเอง และในส่วนบริเวณที่นั่งก็จะมีแสงที่น้อยลงมา เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเช่นกัน

 

3. กลิ่นช่วยสร้างบรรยากาศ
ถ้าได้เข้าไปร้านคุณจะรู้เลยว่า กลิ่นในร้าน Starbucks ไม่เหมือนกับกลิ่นร้านกาแฟทั่วไปเลย และใช่ครับไม่ใช่ความบังเอิญเพราะ Starbucks เขาตั้งใจให้เป็นแบบนั้น

นี่เป็นการใช้ Scent Marketing ครับโดยใช้กลิ่นในการปลุกประสาทสัมผัสของเรา เพื่อการกระตุ้นยอดขาย ผ่านการเพิ่มประสบการณ์ Sensory Branding ให้กับลูกค้านั่นเอง

 

4. Vibe ที่ไม่เหมือนใคร
ในวงการการตลาด มีคำว่า ‘Starbucks effect’ อยู่ครับ ซึ่งก็คือการที่บริษัทสร้างภาพลักษณ์ให้ลูกค้ารู้สึก ‘พรีเมียม’ ที่ไม่ใช่แค่เพราะการออกแบบร้าน หรือการนำเสนอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริการลูกค้าด้วย

นั่นทำให้ลูกค้ารู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกพิเศษนี้ด้วย เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้นนั่นเอง

 

5. ใช้ Scarcity Effect
การกลัวที่จะเสียโอกาสหรือพลาดอะไรบางอย่างไป หรือก็คืออาการ FOMO นั่นเอง บ่อยครั้งที่ Starbucks มักจะเปิดตัวเมนูพิเศษออกมาแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั่น การมีระยะเวลาจำกัดหรือมีจำนวนจำกัด จะทำให้สินค้าดูมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น เป็นการเล่นกับจิตวิทยา Scarcity Effect ที่ถือว่าได้ผลไม่น้อยทีเดียว

 

และทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิค ดึงดูดลูกค้าแบบ Starbucks ที่นำมาฝากกันวันนี้ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการทุกคนนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin ในทุกช่องทาง แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 🥰

 

 

📌 ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร

Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : @torpenguin
YouTube: Torpenguin

👉🏻 อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ