Home บทสัมภาษณ์ กะเพราตาแป๊ะ “กะเพรา Specialty” สร้างคุณค่าให้เมนูสิ้นคิด

กะเพราตาแป๊ะ “กะเพรา Specialty” สร้างคุณค่าให้เมนูสิ้นคิด

708

กะเพราอาหารสิ้นคิดสำหรับการทำธุรกิจร้านอาหาร แต่พี่แป๊ะ เจ้าของร้านกะเพราตาแป๊ะ ที่เปลี่ยนกะเพราะอาหารบ้าน ๆ ให้ดู Specialty ขึ้น พี่แป๊ะเล่าถึวจุดเริ่มต้นในการเปิดร้านอาหาร แพราะตาแป๊ะ ว่าเกิดจากการที่ครอบครัวล้มละลาย แล้วทุกคนในบ้านทุบกระปุกออกมาดูว่าเงินตรงนี้เอาไปจ่านค่าอะไร แล้วเหลือค่ากินเท่าไหร๋ นั่นเป็นภาพฝังใจที่ทำให้พี่แป๊ะไม่คิดจะย้อนกลับไปเป็นแบบนั้นอีก
.

พี่แป๊ะตั้งเป้าหมายว่าจะประสบความสำเร็จผ่านการทำธุรกิจมาหลายอย่าง แต่ก็ไม่รอด ธุรกิจแรกเจ๊ง ธุรกุจต่อมาก็เจ๊ง แต่พี่แป๊ะบอกว่าทุกความล้มเหลวมันทำให้เขาลุกกลับมาเร็วขึ้นจนกระทั่งเขสมาเจอกับ กะเพรา อาหารบ้าน ๆ ที่คนไทยสั่งกันเป็นเรื่องปกติ

.

พี่แป๊ะใช้เวลาในการคิดสูตรอยู่เกือบ 1 ปี อยู่กับกะเพรา ปรับเปลี่ยนจนกว่าจะลงตัวแล้ว ซึ่งตอนนั้นเขาเริ่มต้นจากการขายอยู่ในหมู่บ้าน จนกระทั่งขยับขยายมาเป็น เจ้าของธุรกิจร้านอาหารอย่างเต็มตัวด้วยการเปิดร้าน กะเพราตาแป๊ะ ขึ้นมาในที่สุด ซึ่งกว่าจะเปิดร้านได้ผ่านการคิดหลายอย่างมาก

.

คุณแป๊ะกล่าวถึงกะเพราของเขาว่า เป็นมากกว่าลูก เพราะกิจการร้านอาหารนี้ให้ทั้งครอบครัวที่อยู่ดีกินดี ให้รายได้ ให้ทุกอย่าง และเหมือนกับเป็นชีวิตของคุณแป๊ะไปแล้ว เขาเลยตั้งใจที่จะพัฒนาร้านอาหารร้านนี้ให้เติบโตขึ้นไปมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นทำเลการเปิดร้าน ที่ตั้งเป้าลูกค้ากลุ่มระดับกลางถึงบนเอาไว้ เพราะกะเพราของคุณแป๊ะมีความพิเศษมากกว่ากะเพราปกติทั่วไปเพราะเขาปรับแล้วปรับอีกเพื่อให้กะเพรามีรสชาติกลมกล่อม และทิ้งรสชาติแสนประทับใจไว้ในปากหลังจากทานไปแล้วหรือที่เรียกว่า After Taste

.

แนวคิดในการเลือกกลุ่มลูกค้าสำหรับทำธุรกินร้านอาหารของคุณแป๊ะการน่าสนใจ เขามีความเข้าใจในอาหารของตัวเอง จึงเลือกกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนเพราะคนกลุ่มนี้จะเข้าใจอาหารของเขาได้มากกว่า เข้าใจถึงเทคนิคการทำที่ค่อนข้างซับซ้อนแตกต่างจากกะเพราะทั่ว ๆ ไป แล้วกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ก็จะเป็นกลุ่มที่บอกเล่าความพิเศษของกะเพราของคุณแป๊ะได้ดีที่สุด เปรียบเสมือนการตลาดผ่านการบอกต่อ

.

โครงสร้างของราคาอาหารที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารกะเพราตาแป๊ะขายดีคือ ไม่ขาดทุนแต่กำไรไม่ต้องเยอะมาก แต่ให้ความคุ้มค่ากับลูกค้าให้มากที่สุด ชูโรงร้านอาหารด้วย “ความอร่อย” และเพิ่มการตลาดด้วยการทำคอนเทนต์ “เผ็ดที่สุดในโลก” ขึ้นมาสร้างกระแสโซเชียลมีเดีย เพราะยุคนี้ทุกอย่างมันอยู่ในโลกของโซเชียลไปหมดแล้ว เราต้องสร้างคอนเทนต์เพื่อให้คนอื่นเอาไปพูดต่อ ๆ กันได้ด้วย มุมมองในการทำให้ร้านอาหารของตัวเองเป้นที่รู้จักของคุณแป๊ะ คือ การเอาคำว่าเป็ดที่สุดในโลกมาเป็นเรือธง เพื่อให้คนเข้ามาลองกินแล้วเอาไปรีวิวกัน พอลูกค้ามาที่ร้านจะมีการสั่ง เป็ดที่สุดในโลก 1 จานและที่เหลือก็จะเป็นกะเพราเมนูปกติซึ่งเขาก็ประทับใจเช่นกัน ในที่สุดจากการมาลองเมนูเด็ด ก็กลายเป็นการเปิดใจไปสู่เมนูอื่น ๆ รีวิวร้านอาหารออกมาเป็น ร้านกะเพราที่อร่อย พอมีรีวิวเหล่านี้เข้ามาก็ทำให้คนรู้จักร้านมากขึ้น และมีคนที่อยากจะมาลองทานที่ร้าน กับคนที่ไม่สามารถมาได้คุณแป๊ะก็มีบริการส่งผ่านทาง Application ทำให้ธุรกิจร้านอาหารของคุณแป๊ะโตทั้งหน้าร้าน โตทั้งเดลิเวอร์รี่ และไม่นานร้านกะเพราะตาแป๊ะก็กลายเป็นร้านในดวงใจของลูกค้าหลาย ๆ คนได้นั่นเอง

.

บทสรุปของ ร้านกะเพราตาแป๊ะ นั้นชัดเจนตั้งแต่ต้น คือเจ้าของกิจการที่ไม่ยอมท้อถอยและใส่ใจกับผลิตภัณฑ์ของตัวเองตั้งแต่การสร้างไปจนถึงการประกาศให้คนรู้จักร้าน ซึ่งแนวความคิดของเจ้าของธุรกิจแบบนี้นี่ล่ะครับที่จะทำให้ร้านอาหารประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเลย