เคมีที่เราจะพูดถึงกันในบทความนี้ไม่ใช่สารเคมีอย่างที่เราเข้าใจกันนะครับ แต่ผมหมายถึงเคมีที่เป็นบริบทของความสัมพันธ์ของคนเราต่างหากครับ ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงเคยได้ยินคำว่า คนมีเคมีเดียวกันมาแล้ว ซึ่งจริง ๆ มันเป็นคำที่ใช้บ่อยในความสัมพันธ์ของคู่รัก หรือที่เราได้ยินว่า “พระเอกนางเอกเรื่องนี้เคมีเข้ากันได้” แต่ความหมายของคนมีเคมีเดียวกัน นั่นก็คือคนที่มีวิธีคิด มุมมองต่อโลกไปในทางเดียวกัน รวมไปถึงการมีลักษณะนิสัยใจคอ ความชอบคล้ายกัน ที่ทำให้เวลาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจึงดูเข้ากันได้ดีนั่นเองครับ

 

แต่ถ้าพูดถึงโลกการทำงาน การมีเคมีเดียวกันของทีมคือปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญที่สุดจริง ๆ ครับและมันก็มีความซับซ้อนที่สุดเช่นกัน เพราะการมีเคมีเดียวกันสามารถกำหนดระดับความสำเร็จขององค์กรได้เลย

 

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะพบเห็นตัวอย่างของบริษัที่เป็นแหล่งรวมพลคนเก่ง ๆ แต่สุดท้ายธุรกิจกลับไปไม่รอด สาเหตุหลักอย่างหนึ่งเลยคือคนเก่งเหล่านั้นทำงานร่วมกันไม่ได้นั่นเองครับ ซึ่งเมื่อทำงานด้วยกันไม่ได้มันก็ส่งผลกระทบต่อองค์กรแน่นอน สุดท้ายธุรกิจก็ไปต่อไม่ได้ ดังนั้นในการทำธุรกิจนอกจากให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างแบรนด์แล้ว เคมีของผู้ที่จะเข้ามาร่วมทีมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาด้วย

 

แล้วคนที่มีเคมีเดียวกัน หาได้จากที่ไหนล่ะคำตอบนี้ผมมีให้แน่นอนครับ คงต้องบอกว่าต้องอาศัยโชคชะตากับสัญชาตญาณผสมกันเป็นขั้นตอนแรก จากนั้นให้ใช้เวลาทำความรู้จักและทำงานร่วมกันซักพักไม่นานเราจะรู้เองว่าคนคนนี้เข้ากับเราได้หรือไม่ เพราะความรู้สึกของเราที่เกิดจากการได้คลุกคลีกับคนคนหนรึ่งในระยะเวลาหนึ่ง มันจะตอบคำถามเราได้นั่นเอง

ทีมที่สมาชิกมีเคมีเดียวกัน ดูได้จากอะไร?

 

  1. มีความร่วมมือกันสูง ในทีมที่สมาชิกมีเคมีเดียวกัน เราจะเห็นความร่วมมือกันโดยไม่ต้องมีการร้องขอ ไม่ว่าจะงานใหญ่งานเล็ก งานในหน้าที่หรืองานที่ยังไม่มีอาสาทำ จะมีการยื่นมือช่วยโดยสมัครใจนั่นคือตัวชี้วัดที่ง่ายที่สุดนั่นเองครับ เช่น ถ้าคุณทำธุรกิจร้านอาหาร คุณจะเห็นได้ว่างานทุกอย่างรายรื่น มีการช่วยเหลือกันตลอดเวลาและแทบจะไม่มีเรื่องขัดใจกันเลยแม้แต่น้อย

 

  1. ทำผลลัพธ์ของผลงานออกมาได้มาก ทีมที่เคมีเดียวกันสูงจะเหมือนทีมนักกีฬาที่ทำให้ผู้เล่นเข้าขากัน จนรู้จังหวะรับส่งกันได้ดี มีช่วงสะดุดน้อย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คืองานออกมาได้เต็มประสิทธิภาพนั่นเองครับ อย่างตัวอย่างธุรกิจร้านอาหารที่ผมยกตัวอย่างไป เมื่อเกิดการเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียงตอบรับจากลูกค้า ซึ่งเปรียบเสมือนการตลาดแบบออแกนิกที่เราแทบไม่ต้องลงเงินเลยสักนิดเดียว เป็นต้น

 

  1. ทุกคนมีส่วนร่วมในงานเท่า ๆ กัน ไม่มีใครอู้ไม่มีการเกี่ยงงานว่าอันนี้งานใคร งานนี้ไม่ใช่หน้าที่ไม่ทำ และหากใครติดภารกิจด่วน จะมีคนอื่นในทีมพร้อมเข้ามาสนับสนุนการทำงานทันที

 

  1. บรรยากาศการทำงานดีมาก มีความสนุก เต็มไปด้วยข้อเสนอแนะ เสียงหัวเราะและไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราทุกคนรู้ดีว่า พลังของการคิดสิ่งใหม่ได้ตลอดเวลานั้นมีค่าต่องานที่ทำมากแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น ทำร้านอาหารก็มีการเสนอไอเดียการตลาดแปลก ๆ ให้เจ้าของธุรกิจ เกิดการส่งต่อไอเดีย จนในที่สุดก็ได้โฆษณาที่ดีที่สามารถดึงลูกค้าให้มาใช้บริการที่ร้านได้ เป็นต้น

 

  1. ความสำเร็จของงานมีสูง เพราะงานทำออกมาแล้วคุณภาพดีเกิดจากทีมที่มีพลังงานบวกและมีความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลา มันจึงได้ผลเกินคาดหวังไว้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจร้านอาหารอยากให้เกิดกับร้านอาหารของตัวเองอย่างแน่นอน

 

คำถามสุดท้ายที่คิดว่าหลายคนอยากรู้คือ เราจะสร้างหรือรักษาเคมีของทีมไว้ได้อย่างไร คำตอบของผมง่ายมากครับ นั่นก็คืออย่าทำตัวเยอะมากจนเกินไป แต่ให้เคารพในสิ่งที่ทุกคนเป็นและปรับตัวเป็นโหมดส่งเสริมกัน สั้นๆ ง่าย ๆ เพียงแค่นี้เองคุณก็จะสามารถสร้างและรักษาเคมีของทีมได้อย่างที่ต้องการครับ

.

เนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ : หนังสือวิชาธุรกิจ ที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน 2

สนใจสั่งซื้อหนังสือ ได้ที่ https://bit.ly/3t2MAWZ